ชาวเน็ตเดือด ยูทูบเบอร์ผัวเมียดัง อุ้มลูกขี่เจ็ตสกีมือเดียว ชูชีพไม่ใส่
ยูทูบเบอร์ผัวเมียชื่อดัง อุ้มลูกน้อยขี่เจ็ตสกีมือเดียว ไม่ใส่ชูชีพ ชาวเน็ตวิจารณ์เดือถ้าพลาดพลั้งตกลงน้ำจะทำยังไง
เรียกได้ว่ากลายเป็นเรื่องราวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสื่อสังคมออนไลน์ของประเทศอินโดนีเซีย จากกรณีอินฟลูเอนเซอร์ดังโพสต์คลิปขณะพาลูกน้อยวัยทารกไปขี่เจ็ตสกีด้วยกัน และเผยให้เห็นภาพในช่วงหนึ่งของคลิปที่ลูกน้อยของพวกเขาไม่ได้สวมเสื้อชูชีพ แถมพ่อที่อุ้มลูกด้วยมือ 1 ข้าง และมืออีก 1 ข้างขี่เจ็ตสกีอีกต่างหาก ซึ่งผู้คนต่างมองว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆเลยทีเดียว
ทั้งนี้คลิปดังกล่าวถูกโพสต์ลงช่อง YouTube ของ เรีย ริซิส ยูทูบเบอร์ที่มีคนติดตามกว่า 30.8 ล้านคน โดยคลิปที่เป็นประเด็นถูกโพสต์ลงเมื่อวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา เป็นภาพช่วงเวลาสุขสันต์ของครอบครัว ขณะที่พ่อแม่ลูกบ้านนี้พากันออกไปเที่ยวทะเล ขี่เจ็ตสกีด้วยกัน
ทั้งนี้จากคลิปพบว่า ริซิสที่อยู่บนชายหาดได้เตรียมความพร้อมต่างๆ ให้กับลูกสาววัยทารก ก่อนที่เธอจะอุ้มลูกไปขึ้นเจ็ตสกี ซึ่งตอนแรกเด็กหญิงก็สวมเสื้อชูชีพสีชมพู-ส้ม ดูน่ารักสุดๆ โดยที่ริซิสเป็ยคนอุ้มลูกไว้บนตัก ปล่อยให้สามีของเธอเป็นคนขี่เจ็ตสกี
แต่แล้วในช่วงกลางคลิป พบว่าเด็กน้อยได้ถูกเปลี่ยนไปให้พ่ออุ้ม แต่เสื้อชูชีพที่เด็กสวมอยู่นั้นหายไปซะแล้ว กลายเป็นว่าเด็กถูกพ่ออุ้มพาดไว้บนบ่าในสภาพไม่สวมเสื้อชูชีพ ขณะที่พ่อก็ขี่เจ็ตสกีซิ่งไปโดยใช้มือเพียงข้างเดียวบังคับอุปกรณ์ ส่วนริซิสนั้นก็ยังคงง่วนอยู่กับการถ่ายคลิปช่วงเวลานั้นไว้อย่างสนุกสนาน
- แม่ค้าหัวจะปวด หลังเห็นรองเท้าที่ลูกค้าขอคืนบอกแค่ลองใส่ ลั่น แค่ขัดก็ออก
- ทนายรัชพล เผยข้อกฎหมาย ข้าราชการมีชู้หรือมีเมียน้อย จะร้องเรียนยังไง
- กรมกิจการผู้สูงอายุ แจงแล้ว เบี้ยผู้สูงอายุ เพิ่มเป็น 1,500/ด. จริงหรือไม่
แต่งานนี้ดูเหมือนชาวเน็ตจะไม่เห็นสนุกด้วย เพราะในเวลาเพียงไม่นานหลังคลิปถูกปล่อยไป ก็มีกระแสคอมเมนต์โจมตีทั้งคู่ ที่ปล่อยให้ลูกน้อยต้องอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนั้น คอมเมนต์ส่วนใหญ่ระบุว่า อย่างน้อยก็ต้องสวมชูชีพสิ ลูกเป็นของมีค่าที่สุดในโลกที่คุณมี แล้วถ้าน้องตกลงไปโดนใบพัดเจ็ตสกีฟาดละ"
ทั้งนี้ ครอบครัวยูทูบเบอร์ดังกล่าว ยังคงไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นตอบโต้อะไรกับคอมเมนต์เหล่านั้น ขณะที่คลิปของเธอก็ยังคงมีให้เข้าชมตามปกติ แม้จะเจอกระแสวิจารณ์ดังกล่าว
ที่มา นิวยอร์กโพสต์
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews