ไทยผวา เจอผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ XBB.1.5 ลูกผสมโอมิครอน 2 ราย
ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อ โควิดสายพันธุ์ XBB.1.5 ลูกผสมโอมิครอน 2 ราย ที่ระบาดหนักในสหรัฐ ปัจจุบันรักษาหายดีแล้ว
จากกรณี วานนี้ 15 กุมภาพันธ์ 2566 นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ในประเทศไทย ในขณะนี้ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมมือกับเครือข่ายได้ตรวจพบการแพร่ระบาดโควิด -19 สายพันธุ์ XBB.1.5 จำนวน 2 รายในไทย ซึ่งเป็นชาวไทย 1 ราย และต่างชาติ 1 ราย ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 รายหายดีแล้ว และยังไม่พบผู้ใกล้ชิดติดเชื้อ ซึ่งทางกรมได้ส่งข้อมูลเผยแพร่ไปยังฐานข้อมูล GISAID แล้ว
โดยสายพันธุ์ XBB.1.5 เป็นเชื้อสายสืบสกุลของ XBB ซึ่งเป็นลูกผสมของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 สองสายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ BJ.1 และ BM.1.1.1 จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2565 ถึง 12 กุมภาพันธ์ 2566 มีการรายงานสายพันธุ์ XBB.1.5 ทั่วโลกพบ 33,219 ราย ส่วนใหญ่พบในสหรัฐอเมริกา 24,505 ราย (73.7%) ส่วนประเทศอื่นๆ เช่น สหราชอาณาจักร (6.6%) แคนาดา (5.3%) เดนมาร์ก (1.0%) เยอรมนี (2.65%) ไอร์แลนด์ (1.0%) และออสเตรีย (1.5%)
ซึ่งลักษณะทางพันธุกรรมและอัตราการเติบโตของ XBB.1.5 พบว่ามีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง F486P โดยกรดอะมิโนตำแหน่ง 486 เปลี่ยนจากฟีนิลอะลานีน (phenylalanine) เป็นโปรลีน(proline) ซึ่งเพิ่มความสามารถในการยึดเกาะกับเซลล์ ส่งผลให้มีความได้เปรียบในการแพร่กระจาย และสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีเช่นเดียวกับสายพันธุ์ XBB.1 แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อบ่งชี้ความรุนแรงและความเสี่ยงด้านสาธารณสุขเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ
จากข้อมูลล่าสุดพบว่า สายพันธุ์ XBB.1.5 มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2565 เป็นต้นมา เมื่อเทียบกับสายพันธุ์ย่อยที่พบในไทย คือ BN.1 และลูกหลานซึ่งมีความสามารถในการแพร่เชื้อได้เร็วใกล้เคียงกัน จึงทำให้โอกาสในการที่ XBB.1.5 มาแทนที่ BN.1.* มีไม่มากนัก
ทางอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่ประเทศจีนได้เปิดประเทศ จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในจีน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 ถึง 6 กุมภาพันธ์ 2566 มีข้อมูลสายพันธุ์เชื้อก่อโรคโควิด 19 จำนวน 14,515 ตัวอย่าง ซึ่งทั้งหมดเป็นโอมิครอน โดยสายพันธุ์ที่พบมาก ได้แก่
- BA.5.2.48 (60.9%)
- BF.7.14 (28.3%)
ซึ่งไม่ได้เป็นสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด และไม่ได้มีการแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์ในประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่น่ากังวล สำหรับสายพันธุ์ XBB.1.5 มีรายงานจากประเทศจีนจำนวน 3 ตัวอย่าง ประมาณกลางเดือนธันวาคม 2565 จนถึงปัจจุบันยังไม่มีรายงานเพิ่มเติม
เนื่องจากสายพันธุ์หลักที่พบในประเทศไทยขณะนี้ยังคงเป็นสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BN.1.* ซึ่งเป็นลูกหลานของ BA.2.75 ซึ่งการติดตามสถานการณ์สายพันธุ์ของประเทศ รวมถึงข้อมูลอัตราการติดเชื้อ ความรุนแรง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และเครือข่ายจะดำเนินการอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เพื่อใช้กำหนดมาตรการที่เหมาะสมต่อไป
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้กล่าวถึงประชาชนให้ทำตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันโรค การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ แม้ขณะนี้สถานการณ์โควิด 19 ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนมาจากประสิทธิผลของวัคซีน
ทั้งนี้ประชาชนควรได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหลังจากเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 และผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ลดการนอนโรงพยาบาล ลดอาการป่วยรุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิตหากติดเชื้อ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ tnews