ประวัติ "น้องทีน" จากเด็กไร้บ้าน สู่เจ้าของร้านกะเพราดัง สู้ชีวิต ก่อนลาโลก

จากกรณีข่าวเศร้าทำเอาชาวเน็ตหลายคนใจหาย หลังจากที่เพจ ตี๋อ้วนชวนหิว ได้โพสต์แจ้งข่าวเศร้า "น้องทีน" หรือ นายสดายุ ศุภผลศิริ เจ้าของร้าน "อ้วนตรึ้ม กะเพราตะหลิวตัด" ที่โด่งดังในโลกออนไลน์เสียชีวิตแล้ว  ซึ่งได้เผยถึง สาเหตุการเสียชีวิตของน้องทีน คาดอาจจะติดเชื้อในกระแสเลือด จากการเป็นแผลพุพองที่เท้า และอีกหลายโรค ท่ามกลางชาวเน็ตที่แสดงความเสียใจต่อการจากไปอย่างกะทันหันของน้องทีน

ทั้งนี้ ประวัติเบื้องต้นของน้องทีน เขาเป็นเด็กหนุ่มสู้ชีวิตที่หาเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่อายุ 16 ปี จนได้มาเปิดร้านขายกะเพราเป็นของตัวเอง อยู่ที่แยกท่าเกษตร บางแค เพราะทางบ้านมีปัญหาทำให้น้องต้องกลายเป็นเด็กไร้บ้าน โดยก่อนหน้านี้ น้องทีน เคยเปิดใจผ่านรายการ ชีวิตสู้กลับ ของทางช่อง ยูทูป ThaiNews – ไทยนิวส์ ว่า

 เดิมตัวเองอาศัยอยู่กับย่ามาตั้งแต่เล็กจนอายุประมาณ 13-14 ปี แต่ต่อมาย่าล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล แล้วน้องสาวของย่าก็มาขายบ้าน โดยไม่บอกด้วยว่าขายบ้าน ทำให้ตัวเองต้องนอนในซอย ตามข้างถนน 2-3 วัน จนต่อมาเจอ "พี่ต่อ" ผู้อุปการะตัวเองที่เข้ามาช่วย ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วเขาก็ดูแลน้องทีนมาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็อยู่กับพี่ต่อมาตลอด

• อาลัยเศร้า น้องทีน กะเพราอ้วนตรึ้ม ตะหลิวตัด เสียชีวิตแล้ว
• ภิกษุณีปลาย เผยภาพประทับใจ มนุษย์ต่างดาว ถ่ายได้เองเมื่อ 10 กว่าปีก่อน
• เร่งสอบ 60 องค์กร 150 นอมินี เชื่อมโยง “สารวัตรซัว” ปมพัวพันพนันออนไลน์

แม้จะไม่มีโอกาสได้เรียนอีกแล้ว แต่ตอนอายุประมาณ 18 ปี ด้วยความที่อยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง เพราะอยากตอบแทนพี่ต่อ และหาเงินทุนให้กับตัวเอง แต่ไม่มีใครสอน พอได้เห็นพี่ต่อทำกะเพรา หรือหมูหวานบ้าง ก็เลยลักจำเอาสูตรเขามา และมาเปิดร้านข้าวกล่องเป็นของตัวเอง โดยมีพี่ต่อช่วยวิ่งงานส่งของเป็นหลัก จนตอนนี้อายุ 21 ปีแล้ว บางวันชักหน้าไม่ถึงหลังต้องกู้รายวันก็มี บางวันไม่มีรายได้ ก็คือไม่มีจริงๆ ถึงขั้นไม่มีเงินกินข้าว

โดยก่อนหน้านี้ ทางทีมข่าวไทยนิวส์ได้ลงพื้นที่ไปถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของน้องทีม จึงได้พบว่าน้องสู้ชีวิตมาตั้งแต่เล็กจริงๆ กระทั่งมาทราบข่าวเศร้าว่า น้องทีนเสียชีวิตแล้ว ซึ่งน้ำหนักก่อนน้องเสียชีวิตอยู่ที่กว่า 200 กิโลกรัม 

โดยทางไทยนิวส์ออนไลน์ก็ขอร่วมแสดงความเสียใจกับพี่ต่อและครอบครัวกับการจากไปของน้องทีนมา ณ โอกาสนี้ด้วย

ชมคลิป

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Tnews