ชูวิทย์ งัดหลักฐาน กระชากหน้ากาก ศักดิ์สยาม ปมล็อคสเปครถไฟฟ้าสายสีส้ม
แฉเดือด ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ บุกกระทรวงคมนาคม งัดหลักฐานปมรถไฟฟ้าสายสีส้มฟาด ศักดิ์สยาม ล็อคสเปคเอื้อนายทุน
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้เดินทางไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อยื่นหนังสือโครงการรถไฟฟ้าสีส้ม หลังตรวจสอบพบว่าไม่โปร่งใสล็อคสเปค ในกระบวนการกำหนด TOR และมีการปรับ TOR ใหม่ให้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เอกชนบางรายเข้าหลักเกณฑ์เพียงบริษัทเดียว ซึ่งแสดงถึงความไม่โปร่งใสและส่อไปในทางทุจริต
โดยในการจัดทำโครงการ เพื่อบริการสาธารณะด้านขนส่งมวลชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันตก ในขั้นตอนการดำเนินการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมทุนกับรัฐ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการคัดเลือก ตามมาตรา 36 พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ในประเด็นดังต่อไปนี้
1. การเปลี่ยนหลักเกณฑ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายในการประมูลครั้งที่ 1 (ปี 2563) ข้อเท็จจริง
ภายหลัง คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการร่วมทุน รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือก ได้ประกาศรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างประกาศเชิญชวนเอกชนและร่างเอกสารสำหรับการคัดเลือก จนได้ข้อสรุปแล้วประกาศ เชิญชวนเอกชนให้เข้าร่วมประมูลแข่งขัน ตามคุณสมบัติและหลักเกณฑ์การคัดเลือกเอกชน ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563
หลังจากปิดการขายซองแล้ว บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (ITD) ร้องขอให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การคัดเลือก คณะกรรมการคัดเลือกได้ร่วมกันแก้ไขหลักเกณฑ์การคัดเลือกตามหนังสือของ ITD เปลี่ยนวิธีการคัดเลือกจากการประมูลแข่งขันราคา เป็นเกณฑ์คะแนนด้านเทคนิค และราคา เปิดโอกาสให้คณะกรรมการคัดเลือกได้ใช้ดุลยพินิจอย่างเปิดกว้าง เอกชนที่ยื่นชองข้อเสนอจึงได้ยื่น ฟ้องต่อศาลปกครอง เป็นคดีที่ 1
3 การออกประกาศเชิญชวนครั้งที่ 2 (ปี 2565) โดยมีพฤติการณ์ในการกีดกันและเอื้อประโยชน์แก่เอกชนบางราย ข้อเท็จจริง รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือก ได้มีประกาศเชิญชวนเอกชน ปี 2565กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับคุณสมบัติด้านงานก่อสร้างโยธาที่ต้องแล้วเสร็จกับรัฐบาลไทย อันเป็นการกีดกันกลุ่ม
3 การออกประกาศเชิญชวนครั้งที่ 2 (ปี 2565) โดยมีพฤติการณ์ในการกีดกันและเอื้อประโยชน์แก่เอกชนบางราย ข้อเท็จจริง รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือก ได้มีประกาศเชิญชวนเอกชน ปี 2565กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับคุณสมบัติด้านงานก่อสร้างโยธาที่ต้องแล้วเสร็จกับรัฐบาลไทย อันเป็นการกีดกันกลุ่ม
ซองที่ 1 ตามวิธีการเงื่อนไข ประกาศเชิญชวน ปี 2565 ข้อ 9 หากพบว่า ผู้บริหาร ITD คนหนึ่ง ในขณะยื่นข้อเสนอ เป็นบุคคลต้องโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีเสือดำ และยังรับโทษอยู่ ก็ต้องประเมินไม่ผ่านต้องคืนซองที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไม่มีอำนาจหน้าที่พิจารณาเป็นอย่างอื่น แต่ก็หาได้ทำหน้าที่เช่นนั้น
5.เรื่องราคา ที่แตกต่างกันอย่างมากมาย ข้อเท็จจริง ตามประกาศเชิญชวน ปี 2565 ได้กำหนดแบบตารางให้กรอกเช่นเดียวกับ ปี 2563 ประกอบด้วยตัวเลขจำนวน 2 ส่วน คือ เงินที่ขอสนับสนุนจากรัฐด้านงานโยธา ( รัฐกำหนดไว้ ที่ 91,000 ล้านบาท จะขอเกินไม่ได้
และ ส่วนที่ 2 คือ เงินส่วนแบ่งที่จะจ่าย กลับแก่รัฐในช่วงระยะเวลาการร่วมลงทุน คือ 30 ปี นับแต่เปิดเดินรถฝั่งตะวันออก (มีนบุรี-ศูนย์วัฒนธรรม )
- ซึ่งใครเสนอประโยชน์สุทธิ (NPV ) แก่รัฐดีกว่า ผู้นั้นเป็นผู้ชนะ (NPV = ส่วนที่คืนรัฐ ส่วนที่ขอสนับสนุนจากรัฐบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) มีบริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับที่ 1 จำนวนหุ้นร้อยละ 32.37 (%)
และ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ถือหุ้นใหญ่ ลำดับ 2 ร้อยละ 8.22 (%) เป็นผู้ชนะราคา แต่ราคากลับแตกต่างจากที่ BTS เสนอในปี 2563 เกือบ 70,000 ล้านบาท ทั้งที่มีลักษณะและเนื้องานก่อสร้างและการเดินรถไฟฟ้าคงเดิม ไม่ได้มีการแก้ไขแบบรายการแต่ประการใด และคณะกรรมการคัดเลือกก็มิได้นำข้อมูลดังกล่าวไปพิจารณาต่อรอง ราคา
6.เรื่องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้มีอำนาจหน้าที่ ตาม พรบ.รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 ละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ข้อเท็จจริง ในการบริหารกิจการรถไฟฟ้า ตาม พระราชบัญญัติการรถฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นผู้รักษาการตามพระบัญญัติดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีอำนาจในการกำกับควบคุม ตาม มาตรา 72 ที่จะสั่งการให้ คณะกรรมการ รฟม. และ ผู้ว่า รฟม. ชี้แจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน
ตลอดจนมีอำนาจที่จะยับยั้งการกระทำเกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนที่ขัดต่อ มติคณะรัฐมนตรี ตลอดจนสั่งให้สอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการในการคัดเลือกเอกชนได้ ในการดำเนินการคัดเลือกเอกชนภายใต้การดำเนินการของ รฟม.ตั้งแต่การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ ปี 2563 การยกเลิกการประมูลครั้งที่ 1
รวมถึงการประมูลครั้งที่ 2 ที่มีเรื่องการกีดกั้นและเอื้อประโยชน์ กระบวนการคัดเลือกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับการตรวจสอบคุณสมบัติเอกชนผู้ยื่นข้อเสนอ รวมถึงราคาที่แตกต่างซึ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศชาติ เกิดขึ้นในสมัยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง แต่มิได้ดำเนินการใดๆ ตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ตาม มาตรา 72 ทั้งที่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นการละเว้น เกี่ยวกับหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด
จึงเรียนมายังท่าน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ในฐานะประมุขฝ่ายบริหารเพื่อรักษาไว้ซึ่ผลประโยชน์ของประเทศชาติและรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิของกฎหมายบ้านเมืองต่อไปพร้อมทั้งนี้ได้แนบเอกสารที่เกี่ยวข้องมาด้วยแล้ว
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ tnews