กกพ.จ่อเคาะค่าไฟงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. มีแนวโน้มลดลง
ปชช.เตรียมเฮ กกพ. จ่อเคาะค่าไฟงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. ลุ้นข่าวดีอาจเหลือต่ำกว่า 5 บาทต่อหน่วย โดยจะรู้ผลในวันที่ 8 มี.ค. 2566 นี้
ลุ้นข่าวดี จากกรณีวันที่ 7 มีนาคม 2566 มีรายงานว่า นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เผย ในวันที่ 8 มี.ค. 2566 นี้ ในการประชุมบอร์ดกกพ. จะพิจารณาสรุปตัวเลขค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 66 ก่อนเปิดรับฟังความเห็นเพื่อที่จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไป
โดยเบื้องต้นนับเป็นข่าวดีที่ค่าเอฟที ในงวดนี้มีทิศทางที่ปรับตัวลดลงจากปัจจัยต่างๆ ในการคำนวณต้นทุนที่มีทิศทางที่ดีขึ้นจากงวดก่อน (ม.ค.-เม.ย. 66) ทั้งนี้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่ที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น (ธุรกิจ อุตสาหกรรม บริการฯลฯ) ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.33 บาทต่อหน่วย
จากการคำนวณเบื้องต้นค่าไฟฟ้าเฉลี่ยงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 จะลดลงโดยเฉลี่ยจะต่ำกว่า 5 บาทต่อหน่วยในส่วนของค่าไฟประเภทอื่นๆ และค่าไฟอาจจะกลับมาเป็นอัตราเดียวกันเช่นที่ผ่านมาส่วนจะเท่ากับบ้านหรือลดต่ำลงอีกหรือไม่ ซึ่งต้องรอผลการประชุมวันที่ 8 มี.ค. นี้
ซึ่งปัจจัยในการคำนวณค่าเอฟที ได้แก่ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยงวดที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 37 บาทต่อดอลลาร์ แต่ขณะนี้อัตราค่าเงินบาทแตะระดับราว 34-35 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลดีต่อค่าเอฟทีค่อนข้างมาก รวมไปถึงราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง
นายคมกฤช กล่าวด้วยว่า "สิ่งสำคัญคือราคาก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ที่เป็นตัวแปรสำคัญที่กระทบต่อค่าเอฟที ในงวดม.ค.-เม.ย. 66 ค่อนข้างมาก ทั้งในแง่ปริมาณการนำเข้าที่สูงเพื่อทดแทนปริมาณก๊าซอ่าวไทยที่ลดลง และด้านราคาซึ่งงวดที่แล้ว ราคา LNG อยู่ที่กว่า 30 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 10 กว่าดอลลาร์ต่อล้านบีทียูและปริมาณนำเข้าลดต่ำลงเพราะมีการบริหารก๊าซในอ่าวไทยป้อนให้กับการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น"