บุคคลอันตราย ปูพรมล่า "ดาบตำรวจ อรรถพร" สังหารโหด 6 ศพ พร้อมตั้งค่าหัว
เตือนภัย "ดาบตำรวจ อรรถพร วิเชียร" บุคคลอันตราย สังหารโหด 6 ศพ ตั้งค่าหัว 5 หมื่น ปูพรมสุราษฎร์ธานี ตั้งจุดตรวจ สกัดเส้นทางหนี
จากกรณีเหตุสะเทือนขวัญ ดาบตำรวจอรรถพร วิเชียร สังหารโหด 6 ศพ โดยยกพวกยิงถล่มบ้านอดีตผู้ใหญ่บ้านในสวนปาล์ม พื้นที่สภ.คีรีรัฐนิคม สุราษฎร์ธานี ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม6ราย ผู้ก่อเหตุคือ ด.ต.อรรถพร วิเชียร พร้อมพวกรวม 4 คน ซึ่ง ผบช.ภ.8 มีคำสั่งเด้ง พ.ต.อ.เกรียงไกร เกตุแก้ว ผกก.สภ.คีรีรัฐนิคม ไปช่วยราชการ ภาค8 พร้อมตั้งกรรมการสอบเอาผิด
โดย ด.ต.อรรถพร วิเชียร อายุ 46 ปี ผบ.หมู่ งานป้องกันปราบปราม สภ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี กับพวกได้บุกยิงถล่มบ้านผู้ใหญ่รงค์ ผู้เป็นพ่อตา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน คือ ผู้ใหญ่รงค์, เมียผู้ใหญ่รงค์, ผู้ใหญ่เกราะ ญาติของเมียผู้ใหญ่รงค์ และนายธรรมรัตน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุ
ล่าสุดวันที่ 11 เม.ย.66 พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานีได้สั่งการให้สถานีตำรวจทุกแห่งตั้งจุดตรวจ-จุดสกัดและตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของ ดาบอรรถ ด.ต.อรรถพร วิเชียร ถือว่า ด.ต.อรรถพร เป็นบุคคลอันตรายมีอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 และอาวุธปืนขนาด 9 มม.ติดตัวอยู่ พร้อมตั้งค่าหัว ด.ต.อรรถพร 50,000 บาท
ซึ่งเมื่อวันที่ 10 เม.ย.66 ที่ที่ผ่านมา บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้ลงพื้นที่รับมอบตัว นายมานพ ว่างงาน หนึ่งในผู้ต้องหาคดีนี้ และได้ประชุมเร่งรัดติดตามผลการสืบสวนจับกุมในคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หลังจากเมื่อวันที่ 9 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบศพ นายอรรถพล วิเชียร บุตรชายของ ด.ต.อรรถพร และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุ ถูกยิงนอนเสียชีวิตภายในรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุในพื้นที่ สภ.บ้านตาขุน
คดีนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 6 ราย โดยเป็นฝั่งนายธรรมรงค์ พ่อตาของ ด.ต.อรรถพร เสียชีวิต จำนวน 4 ราย เป็น ฝั่งด.ต.อรรถพร ผู้ต้องหา เสียชีวิต จำนวน 2 ราย คือ นายธรรมรัตน์ เสียชีวิตที่เกิดเหตุ และ นายอรรถพล บุตรชาย ด.ต.อรรถพร เสียชีวิตระหว่างหลบหนี
ล่าสุดในวันที่ 11.เม.ย. ที่ สโมสรตำรวจ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างติดตาม เนื่องจากผู้ต้องหาที่ยังคงหลบหนี ซึ่งคาดว่ายังคงอยู่ในพื้นที่ และคาดว่าจะมีความคืบหน้าในเร็ว ๆ นี้ และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังในการปฎิบัติการเนื่องจากผู้ต้องหามีอาวุธปืนสงครามอยู่กับตัว
หากถูกยิงต่อสู้ ก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ส่วนนายมานพ ว่างงาน หนึ่งในผู้ต้องหาที่จับกุมได้วานนี้ 11 เม.ย. พบว่าเคยต้องโทษคดีเจตนาฆ่าคนตายมาแล้ว 14 ปีและมีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืน เนื่องจากหลังก่อเหตุ นายมานพได้เก็บปลอกกระสุนไปทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ ผกก.สภคีรีรัฐนิคม ไปช่วยราชการแล้วพร้อมเตรียมเรียกตัวเข้ามาสอบถามการทำงานและการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาเนื่องจากพบว่าผู้เสียชีวิตคือ นายธรรมรงค์ นิลนิยม หรือผู้ใหญ่รงค์ อดีตผู้ใหญ่บ้านเคยถูกใช้อาวุธสงครามลอบยิงที่บ้านพักหลังดังกล่าว มาแล้วเมื่อปี 2565
โดยคาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกันเนื่องจากผู้ตายไม่มีคู่ขัดแย้งอื่น แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ไม่มีการรับคดี และสอบสวนต่อจนทำให้เหตุบานปลายกลายเป็นการถล่มยิงจนมีผู้เสียชีวิต 6 รายในวันนี้ ซึ่งถือเป็นความบกพร่องของ ผกก.สภ.ดังกล่าว