รวบ อดีตพิธีกรรายการ ผันตัวเป็นพ่อค้าออนไลน์ ก่อนเบี้ยวส่งสินค้านับแสนบาท
ตำรวจไซเบอร์ รวบอดีตพิธีกรรายการดัง ผันตัวเป็นพ่อค้าออนไลน์ ก่อนเบี้ยวส่งสินค้า พบเหยื่อหลายรายเสียหายรวมนับแสนบาท
สืบเนื่องจาก ช่วงประมาณกลางปี 2565 สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มผู้บริโภค กรณีซื้อของจากเพจเฟซบุ๊กชื่อ “ต๋อ ขายปลีก ราคาส่ง-ราคาหน้าโกดัง” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 5 พันคน โดยมี นายฤทธิรงค์ เป็นเจ้าของเพจ ได้ไลฟ์สดขายสินค้าในชีวิตประจำวัน อาทิ สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม และอื่นๆ ในราคาถูกกว่าท้องตลาด
ต่อมาเมื่อมีผู้สั่งซื้อสินค้าและโอนเงินค่าสินค้าให้แล้ว แต่เพจดังกล่าวไม่จัดส่งสินค้า และไม่ยอมคืนเงินแก่ผู้เสียหายที่สั่งซื้อสินค้าไว้ สุดท้ายไม่สามารถติดต่อนายฤทธิรงค์ได้ในเวลาต่อมา กลุ่มผู้เสียหายจำนวนเกือบ 100 รายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน พบมูลค่าความเสียหายรวมเกือบแสนบาท
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พร้อมชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งขออำนาจศาลออกหมายจับ ในฐานความผิด "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน" และจับกุมตัว นายฤทธิรงค์ หรือ ต๋อ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับได้บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
เบื้องต้น นายฤทธิรงค์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าก่อนหน้าที่ตนเองจะมาไลฟ์สดขายสินค้าผ่านออนไลน์นั้น เคยทำงานเป็นพิธีกรดำเนินรายการของรายการดัง ต่อมาเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงตัดสินใจลาออกและประกอบอาชีพขายของ จนกระทั่งปลายปี 2564 ได้เห็นเปิดเพจบนเฟซบุ๊กชื่อ “ต๋อ ขายปลีก ราคาส่ง-ราคาหน้าโกดัง” ซึ่งมียอดการจำหน่ายสินค้าได้ประมาณวันละ 30,000 – 50,000 บาท
ต่อมาช่วงเดือน เม.ย. 2565 อ้างว่าโกดังได้ถูกน้ำท่วมจนสินค้าเกิดความเสียหายไม่สามารถจัดส่งได้ อีกทั้ง หมุนเวียนเงินไม่ทันจึงไม่สามารถชดใช้เงินให้ผู้เสียหายจำนวนมากได้ แต่ได้พยายามทยอยคืนเงินชดใช้ให้ผู้เสียหายบางรายแล้ว เมื่อทราบว่าตนเองถูกออกหมายจับ จึงได้หลบหนีและถูกจับกุมตัวดำเนินคดีในเวลาต่อมา
เบื้องต้นแจ้งข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน" นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป