ทนายอั๋น ร้อง กกต. ให้ตรวจสอบคำร้อง เรืองไกร แจ้งความเท็จ งัด ม.143 ยื่นเอาผิด
ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นหนังสือ กกต. ให้สอบข้อเท็จจริง ในคำร้องของ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เข้าข่ายแจ้งความเท็จหรือไม่
จากกรณี "ทนายอั๋น บุรีรัมย์" หรือ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร ยื่นคำร้องต่อกกต. ที่สำนักงาน กกต. วันนี้ (12มิ.ย.66) เพื่อขอให้สอบข้อเท็จจริงกรณีคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ยื่นร้องเรียนหุ้นสื่อไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไหล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพ ตามเรื่องธรรมนูญมาตรา 98 (3)
โดยทาง ทนายอั๋น เห็นว่านายเรืองไกร ได้เสนอหลักฐานซึ่งอ้างว่านายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นสื่อไอทีวีเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ถือในฐานะผู้จัดการมรดก ขณะที่กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ระบุชัดเจนว่าอำนาจของผู้จัดการมรดก มีหน้าที่ระบุหนี้สิน และทรัพย์สิน และแจกจ่ายให้กับทายาทตามกฎหมาย นั่นหมายความว่าการเป็นผู้จัดการมรดกนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นทายาทโดยตรง
ซึ่งอาจจะเป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าบทบาทหน้าที่ และความหมายของการถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก ในฐานะส่วนตัวมองว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ขณะที่ ล่าสุดยังมีการเปิดเผยคลิปวีดีโอการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่ระบุชัดเจนว่า “บริษัทไอทีวีไม่ได้ดำเนินกิจการสื่อมวลชน” ซึ่งอาจจะขัดต่อเอกสารที่นายเรืองไกร นำมาร้องต่อ กกต.
แต่กรณีที่นายเรืองไกร พยายามที่จะยื่นหลักฐานต่อกกต. และเรียกร้องให้กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติขั้นต้น ตนพบข้อมูลว่านายพิธา ถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดกเท่านั้น ไม่ได้ถือในนามส่วนตัว จึงมาว่าการกระทำของนายเรืองไกรอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา143 ที่ระบุว่าผู้ใดกระทำการอันเป็นเท็จ ให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้สมัครฝ่าฝืน และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย บุคคลดังกล่าวอาจมีความผิด ต้องโทษจำคุกในที่สุด จึงอยากให้กกต. ตรวจสอบคำร้องของนายเรืองไกร ว่าเข้าข่ายกระทำการผิดกฎหมายหรือไม่
"ส่วนตัวยินดีที่จะเดินทางมาให้ข้อมูลกับกกต. ในเรื่องดังกล่าว และเรียกร้องขอให้กกต. ปฏิบัติกับคำร้องของตนเช่นเดียวกับคำร้องของนักร้องท่านอื่น"