บุกทลายผับเถื่อนกลางกรุงฯ "ลาบเป็ดยโส เจ๊นิ่ม รองเมือง" เปิดร้านลาบบังหน้า
บุกทลายผับลับกลางกรุง "ลาบเป็ดยโส เจ๊นิ่ม รองเมือง" เปิดร้านลาบเป็ดบังหน้า ด้านในเป็นผับเถื่อนไร้ใบอนุญาต บุกจับผับ ผับเถื่อน พบปล่อยเด็กต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ
วันที่ 1 ก.ค. 2566 กรมการปกครอง บุกทลายร้าน "ลาบเป็ดยโส เจ๊นิ่ม รองเมือง" เปิดร้านลาบเป็ดบังหน้า ด้านในเป็นผับเถื่อนไร้ใบอนุญาต ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับวัด 3 แห่งปล่อยนักเที่ยว ทั้งไทยและต่างด้าว มั่วสุมหลายร้อย เปิดยันเช้า ตีกันเป็นประจำ ซ้ำเกิดอุบัติเหตุรถชนกันตายหน้าร้านหลายครั้ง ล่าสุดนักเที่ยวตีกันในร้านแล้วออกมาแทงกันตายนอกร้าน แจ้งท้องที่แล้ว ร้านยังเปิดได้ปกติ ชาวบ้านทนไม่ไหว ร้องเรียน กรมการปกครองเข้าจับกุม พบปล่อยเด็กต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ 25 คน เตรียมเสนอสั่งปิด 5 ปี
โดยนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง นำกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน บุกจับกุม สถานบันเทิงแอบแฝงและผิดกฎหมาย
ปฏิบัติการตรวจค้นและจับกุมผับลับกลางกรุงในครั้งนี้ สืบเนื่องจากชาวบ้านร้องเรียนมายังอธิบดีกรมการปกครอง ว่ามีร้านลาบลักลอบเปิดผับบนอาคารชั้น 2 แอบเปิดถึงเช้า ใกล้กับวัดชำนิหัตการ ตรงข้ามวัดสระบัว และหน้าปากซอยวัดบรมนิวาส เสียงดังรบกวนบริเวณโดยรอบ ตัวร้านเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ตั้งอยู่ริมถนนพระราม 1 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน ชั้นล่างเปิดให้บริการขายอาหาร ด้านบนถูกดัดแปลงให้เป็นผับ มีทั้งที่เก็บเสียง เครืองเสียง ไฟแสงสี สำหรับ ผับ เทค ชาวบ้านแจ้งว่าพยายามร้องไปยังสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน และสำนักงานเขต แล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า
โดยร้านลาบเป็ดดังกล่าว กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต เปิดให้บริการถึงรุ่งเช้าของทุกคืน ตลอดจนมีคนต่างด้าวสัญชาติลาวจำนวนมาก เข้ามาใช้บริการ ตรวจสอบเบื้องต้น ทางร้านมีการจ้างแรงงานโดยผิดกฎหมาย อีกทั้งทางร้านยังขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด
ก่อนเข้าจับกุม ได้ส่งพนักงานฝ่ายปกครองแฝงตัวเป็นสายลับ เข้าสืบสวนที่สถานบันเทิงดังกล่าวเป็นเวลาหลายครั้ง พบเป็นผับที่ไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการ และโดยเปิดให้บริการตลอดคืนจนถึงเวลาตี 5 ของทุกวัน ซึ่งเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด สายลับพบนักเที่ยวสองร้อยกว่าคน ยืนดื่มกินเต้นไปตามจังหวะเสียงดนตรีและแสงสีภายในผับอย่างสนุกสนานในลักษณะมึนเมา พนักงานของร้านทั้งชั้นสองโซนผับ และชั้นล่างเป็นพนักงานร้านเดียวกัน สวมเสื้อโปโลสีแดง สกรีนชื่อของร้านลาบเป็ดและร้านมีการ์ดคอยดูแลเป็นหูเป็นตา ทั้งชั้นล่างและชั้นบน
กระทั่งเวลาตี 3 ของวันที่ 1 มิ.ย. 2566 กรมการปกครองเปิดปฏิบัติการจู่โจมผับลับลาบเป็ดเจ๊นิ่ม ยโส รองเมือง ทันที เมื่อชุดจับกุมเข้าไปถึงภายในผับ พบเป็นห้องทึบ เปิดเพลงเสียงดังสนั่น แสงไฟเลเซอร์วิบวับ พบนักเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างด้าว จำนวนกว่าสองร้อยคน กำลังมั่วสุ่มดื่มกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เต้นตามจังหวะเสียงดนตรีอย่างเมามันส์
พนักงานฝ่ายปกครองจึงสั่งให้ปิดเพลงและเปิดไฟให้แสงสว่าง ภายในผับเกิดความโกลาหล นักเที่ยวพยายามหลบหนีออกทางประตูหน้าร้าน แต่ชุดจับกุมได้ปิดล้อมประตูไว้ทุกด้าน จึงทำให้นักเที่ยวไม่สามารถหนีออกไปได้ พนักงานฝ่ายปกครองได้ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
จากการตรวจสอบพบนักเที่ยวจำนวน 250 คน พบผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน25 ใน จำนวนนี้เป็นเยาวชนสัญชาติลาว 21 คน และเป็นคเยาวชนสัญชาติไทย 4 คน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดจับกุม พบว่าทางร้านมีการจ้างแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวผิดกฎหมาย จำนวน 7 คน
พนักงานฝ่ายปกครอง จึงได้จับกุมตัวเจ้าของร้านและร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานความผิด ดังนี้
(1) เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
(2) ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
(3) ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้ามขาย
(4) จ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดี
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เปิดเผยว่า ทุกครั้งที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ไปตรวจจับสถานบันเทิงในที่ต่างๆ จะมีคำสั่งปิดสถานประกอบการเป็นเวลา 5 ปีเสมอ ซึ่งปฏิบัติการในวันนี้พบว่าสถานบันเทิง "ลาบเป็ดยโสรองเมือง" มีกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยชัดแจ้ง และตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงศาสนสถาน จากนี้พนักงานฝ่ายปกครองจะได้เสนอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งปิดสถานที่แห่งนี้อย่างถาวร ตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 และจะได้ประสานกับทางกรุงเทพมหานคร ให้ตรวจสอบการใช้อาคารผิดประเภทตามกฎหมายควบคุมอาคารด้วย จึงฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการสถานบันเทิง ควรประกอบธุรกิจด้วยความมีจิตสํานึกรับผิดชอบต่อสังคมและถูกต้องตามกฎหมาย