ราชทัณฑ์ ส่งตัว "ธาริต เพ็งดิษฐ์" แยกรักษาที่รพ. หลังพบมีโรคประจำตัวหลายโรค
ราชทัณฑ์ ส่งตัว ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แยกรักษาที่โรงพยาบาล หลังตรวจร่างกายพบวัณโรคปอด หวั่นแพร่เชื้อ อีกทั้งยังมียังพบมีโรคประจำตัวหลายโรค
จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ที่ศาลอาญา รัชดาฯ "ศาลฎีกา" อ่านคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุก "นายธาริต เพ็งดิษฐ์" อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นเวลา 2 ปีไม่รอลงอาญา สำหรับจำเลยที่ 2 - 4 ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยพิพากษาแก้ยกฟ้อง กระทั่งได้ควบคุมตัวเตรียมส่งเข้าเรือนจำทันที
ล่าสุดมีรายงานว่า "นายธาริต เพ็งดิษฐ์" ถูกหามส่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งนายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า
จากกรณีที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้รับตัวนายธาริต เพ็งดิษฐ์ คดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ และความผิดต่อเจ้าพนักงานยุติธรรม ไว้ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์แล้วนั้น
ต่อมาได้รับรายงานจากผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับ การรับตัวนายธาริต ไว้ในการควบคุมว่า ทางเรือนจำ ได้ดำเนินการตามมาตรฐานการปฏิบัติงานควบคุมผู้ต้องขัง (SOPs) ในกระบวนการรับตัวผู้ต้องขังแรกเข้า
โดยมีการตรวจร่างกายผู้ต้องขังเข้าใหม่ สอบประวัติเบื้องต้น พบว่ามีโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะหยุดหายในขณะหลับใช้เครื่องช่วยหายใจ (CPAP) และพบประวัติการรักษาวัณโรคปอด โดยอยู่ในการรับยารักษาระยะเข้มข้น ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่สามารถแพร่เชื้อต่อผู้ต้องขังรายอื่นภายในเรือนจำ จากข้อมูลข้างต้นร่วมกับผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอื่นร่วมหลายโรค เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
จึงได้ส่งตัวไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 โดยแพทย์ได้พิจารณารับตัวให้รักษาตัวห้องแยกโรค หอผู้ป่วยวัณโรค ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อให้การรักษาจนอยู่ในระยะปลอดภัยไม่แพร่กระจายเชื้อ ลดความเสี่ยงแพร่เชื้อต่อผู้ต้องขังรายอื่น เนื่องจากภายในเรือนจำเป็นพื้นที่ปิด ที่มีความแออัดและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ
ทั้งนี้ นายสิทธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ได้มีการปฏิบัติต่อนายธาริต เช่นเดียวกับผู้ต้องขังทั่วไป มิได้มีสิทธิพิเศษเหนือกว่าผู้ต้องขังรายอื่นๆ ถึงแม้จะเคยเป็นบุคคลสำคัญทางสังคม มิได้มีห้องพิเศษสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่ออำนวยความสะดวกแต่อย่างใด กรมราชทัณฑ์ยังคงควบคุมผู้ต้องขังทุกรายอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน โดยปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามหลักสิทธิมนุษยชน