ชูวิทย์ เปิด 3 ชื่อท้าชน ถ้ามีเสนอชื่อแล้วสภาเห็นชอบ ส่อได้นายกฯ อาชญากรแน่
"ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" จอมแฉชื่อดัง เปิด 3 ชื่อท้าชน ต้องรอดูว่าจะมีการเสนอชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นมาเป็นผู้ถูกเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี บอกเลยสะเทือนแคนดิเดต ส่อได้นายกฯ อาชญากรทางเศรษฐกิจ
เรียกได้ว่ายังคงเป็นประเด็นการเมืองร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง กรณีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเมศไทย ก่อนหน้านี้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้เคยโพสต์แฉว่าที่นายกฯคนต่อไปทั้งยังเตรียมเปิดเอกสารลับเกี่ยวกับภาษี
ล่าสุด นายชูวิทย์ ได้ออกมาเผยถึงประเด็นดังกล่าวกับรายการลุยชนข่าว ว่า ส่วนตัวอยากจะให้คนดูของช่อง 8 ได้เห็นข้อมูลอะไรบางอย่าง ซึ่งเพิ่งจะทำเสร็จก่อนที่จะมาตั้งให้สัมภาษณ์โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นรูปเงาของว่าที่นายกรัฐมนตรี และมีข้อความระบุว่า
“นายกคนใหม่ ประเทศไทยซื่อสัตย์ เป็นที่ประจักษ์ หรือไม่..?”
โดยภาพกราฟิกนี้ตนเองเตรียมที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะชน ซึ่งทีมข่าวมาสัมภาษณ์ก่อน จึงขอเปิดเป็นที่แรก โดยข้อความดังกล่าวต้องการที่จะสะท้อนว่า การที่ใครบางคนจะเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีความจริงใจ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และทุกอย่างอยู่ที่แจ้ง ไม่ใช่แอบทำกันได้ที่ลับ ดังนั้นถ้าหากไม่เป็นไปตามข้อความ ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่ประจักษ์ตรวจสอบไม่ได้ ก็ไม่สมควรที่จะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และไม่ควรได้รับการเสนอชื่อ
เพราะถ้าหากก่อนวันเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งหน้า แล้วมีการลงมติในพรรคดังกล่าว แล้วมีการเสนอชื่อบุคคลดังกล่าว ตนเองก็จะอภิปรายนอกสภา หรือเปิดเผยข้อมูลชุดนี้ทันที และเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวจะล้มทั้งยืน
การที่ตนเองต้องเลื่อนครั้งนี้เป็นเพราะว่า ยังไม่มีการเสนอชื่อ ก็ไม่จำเป็นต้องเอาข้อมูลมาเปิดเผย เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเอาข้อมูลเปิดเผยก่อนเสนอชื่อ แล้วมีการเปลี่ยนแปลง บุคคลดังกล่าวก็แค่ถูกแฉ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเมื่อมีการเลื่อน และไม่เปิดเผยชื่อดังกล่าว ก็ไม่มีมีเหตุจำเป็นใดที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลในเวลานี้
และตนเองอยากจะฝากย้ำเตือนสติและพูดถึงชื่อใครบ้างคน 3 ชื่อ คือ
- ซานซิง เป็นแขกอินเดีย
- เดฟ เป็นแขกอินเดีย
- โขงเป้ง
บอกได้เลยว่า3ชื่อนี้ ใครบางคนที่เป็นคดีเดตนายกรัฐมนตรี ของบางพรรคการเมือง แค่ได้ยินชื่อแค่นี้ก็หนาวแล้ว เนื่องจากบุคคลเหล่านี้มีความสัมพันธ์พิเศษ ที่พากันกระทำผิด เกี่ยวข้องกับเรื่องการเงิน เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ตรวจสอบไม่ได้ มากกว่าการเลี่ยงภาษี โดยเรื่องนี้ตนเองจะให้เป็นภาพยนตร์ภาคที่2 ต่อจากภาคที่1 ที่เดิมมีการซื้อขายที่ดินผ่านตลาดหลักทรัพย์แล้วต้องไปอยู่ต่างประเทศ แต่ครั้งนี้ภาค2จะมั่นดุเดือดและสังคมตาสว่าง ดังนั้นตนเองอยากจะตั้งชื่อเรื่องว่า
“ภาค1หนีภาษี ภาค2 ซื้อขายตลาดหลักทรัพย์
แต่ทั้งนี้ข้อมูลจะถูกเปิดเผยหรือไม่ก็ต้องรอดูว่าจะมีการเสนอชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นมาเป็นผู้ถูกเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ และทั้งนี้ หากยังมีการเสนอชื่อดังกล่าว แล้วข้อมูลของตนเองก็เปิดเผยออกมา แต่รัฐสภายังมีการเลือกโหวตเห็นชอบชื่อดังกล่าวอีก จะกลายเป็น นายกรัฐมนตรี อาชญกรทางเศรษกิจ