ชาวเน็ตกัมพูชาเดือด อ้าง "วัดภูม่านฟ้า" เลียนแบบ "นครวัด" จ่อร้องยูเนสโก
ชาวเน็ตกัมพูชาเดือด อ้าง "วัดภูม่านฟ้า" จ.บุรีรัมย์ สร้างเลียนแบบ "ปราสาทนครวัด" ของกัมพูชา เตรียมจะยื่นฟ้องต่อองค์การยูเนสโก
กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนข้ามประเทศขึ้นมาอีกแล้ว จากรณีชาวเน็ตกัมพูชาเปิดประเด็นเดือดอ้างว่า "วัดภูม่านฟ้า" ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ สร้างเลียนแบบ "ปราสาทนครวัด" ของกัมพูชา แถมเตรียมจะยื่นฟ้องต่อองค์การยูเนสโกอีกด้วย
ซึ่งประเด็นดังกล่าวเคยกลายเป็นกระแสดราม่ามาแล้วรอบหนึ่ง โดยย้อนไปเมื่อช่วงปี 2564 ได้มีชาวเน็ตกัมพูชาเอาภาพของวัดภูม่านฟ้า ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างไปแชร์ และบอกว่าเป็นการสร้างเลียนแบบมาจากนครวัดของกัมพูชา จนทำให้เกิดแฮชแท็ก #JusticeCambodia และ #savecambodiaculture
ซึ่งตอนนั้นทางวัดภูม่านฟ้าได้เคยออกมาชี้แจงแล้วว่ารูปแบบการก่อสร้างเกิดจากจิตนาการหรือนิมิต ไม่ได้ลอกเลียนแบบมาจากสถานที่แห่งใด และทางวัดยังยินดีให้เข้าเยี่ยมชมได้ในกรณีที่มีข้อสงสัย
ขณะที่ทางกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ กัมพูชา รวมไปถึงนักวิชาการหลายๆคนก็ได้ออกมาชี้แจงแล้ว วัดภูม่านฟ้า ไม่ได้ลอกเลียนแบบจากนครวัด จนทำให้เรื่องดังกล่าวเงียบไป
ล่าสุดเรื่องดังกล่าวกลับมาเป็นดราม่าขึ้นมาอีกครั้ง โดยทางเพจเฟซบุ๊ก World Forum ข่าวสารต่างประเทศ ได้มีการเปิดเผยว่า การก่อสร้างวัดภูม่านฟ้า จ.บุรีรัมย์ ทำชาวเน็ตกัมพูชาเดือด มองว่าการสร้างวัดในประเทศไทย ลอกแบบมาจากปราสาทนครวัด จนถึงขั้นจะร้องเรียนไปทางยูเนสโกให้ตรวจสอบเรื่องนี้
โดยจากแถลงการณ์ กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ "กัมพูชา" วันที่ 26/09/2023 ไม่ได้ระบุชัดในแถลงการณ์ อาจเพื่อลดกระแสสังคม กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ ได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด และประสานทางไทยรวมทั้งได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบแล้ว เพื่อไม่ให้ใช้แบบนครวัด
โดยเพจคาดว่าต้นตอของดราม่าในครั้งนี้ เกิดจากไทยไปยื่นเมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้สำเร็จ ทำให้กระแสนักท่องเที่ยวในจังหวัดเสียมราฐ กัมพูชา เงียบเหงาและไม่มีนักท่องเที่ยวไปชมนครวัด ซึ่งเหตุผลหลักๆมาจากข้อห้ามถ่ายภาพ ห้ามถ่ายคลิป ห้ามบินโดรน ภายในนครวัด บวกกับกระแสของกระแสภาพยนตร์จีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ยก "กัมพูชา" เป็นฐานของขบวนการ เลยทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าไปเที่ยว จึงทำให้เศรษฐกิจใน จ.เสียมราฐ ซบเซาอย่างหนัก