ใจหล่นวูบ สาวเล่านาทีชีวิต ขณะหนีเอาตัวรอด จากเหตุยิงที่พารากอน
สาวเล่านาทีชีวิต ขณะหนีเอาตัวรอดจากเหตุยิงที่พารากอน ใจหล่นวูบหลังรู้จุดจับผู้ก่อเหตุ ลั่นเหตุการ์ณนี้คงจำจนตาย
จากคดีสะเทือนขวัญ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2566 กรณีเยาวชนวัย 14 ยิงกลางพารากอน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ล่าสุดมีผู้ใช้เฟซบุ๊กสาวรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์เล่านาทีระทึก หลังเธอเป็นหนึ่งในผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่สยามพารากอนครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดยขณะเกิดเหตุเธอทำงานอยู่บริเวณนั้นพอดี ทำเอาเธอขวัญเสียเป็นอย่างมาก ซึ่งก็มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจและปลอบขวัญเธอมากมาย โดยเธอได้เล่าว่า
สวัสดีค่ะ เราคือผู้ประสบภัยยิงกราดที่พารากอน จุดจับคนร้ายได้คือหน้าร้านเราชั้น3 รูปนี้คือตอนผ่านมาแล้วประมาณ1ชม. เรากลับเข้าไปเอาของ ตำรวจกับชาดากำลังตรวจที่เกิดเหตุ ขอเริ่มเล่าเลยนะคะ ประมาน4โมงเย็น เพื่อนมาหานั่งเล่นที่ร้านเรา ก็กำลังนั่งคุยเม้าท์มอยกัน แล้วก็ได้ยินเสียงปืน ตอนนั้นเรานึกว่าเสียงก่อสร้างเพราะตอนนี้ห้างกำลังรีโนเวท จนมีคนวิ่งๆหน้าตื่นกันมา ว่าคนยิงกัน เราเลยรีบจับมือเพื่อนแล้ววิ่งเข้าไปด้านในห้างที่ใกล้ร้านเรามาก (ร้านเราอยู่โซนพลาซ่านอกห้าง) แล้วก็วิ่งเข้าไปในสต๊อกของร้านกระเป๋าเดินทาง ในนั้นหลบกันอยู่ประมาน10-13คน ในสต๊อกเป็น2ชั้น เรากับเพื่อนและพี่ๆข้างร้านอยู่ชั้น2กัน 10คน ชั้น1 2-3คน เหมือนเราจะมีสติในนั้นที่สุด ใจก็กลัวมากๆ ภาพยิงกราดโคราช ผุดเข้ามาในหัวเลยค่ะ
เราก็บอกให้ผู้ชายล็อคประตู หาอะไรมาปิดตรงช่องที่มองเข้ามาได้ สักพักก็ได้ยินเสียงประตูเหล็กด้านนอกปิด แล้วเราก็เดินลงไปปิดไฟ เพราะไม่มีใครปิดฟังเสียง เราเลย มี 2-3 คนที่พยายามจะออกไป เราซึ่งที่ในกลุ่มงานแจ้งมาเรื่อยๆ ว่าคนร้ายอยู่ฝั่งนอร์ทชั้น2 ซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับเรา เรากระซิบให้ทุกคนปิดเสียงโทรศัพท์เพราะแต่ละคนมีคนโทรเข้ามากันเยอะไม่ขาดสาย เราบอกห้ามรับ อยู่ในความเงียบห้ามส่งเสียงห้ามขยับ ทุกคนนั่งอยู่ในความมืดห้องสต๊อกที่มีแต่แสงโทรศัพท์รอคนส่งข่าว เสียงปืนยังคนดังเรื่อยๆ จนมาใกล้เรื่อยๆ
กระทั่งในกลุ่มส่งมาว่าคนร้ายอยู่ชั้น3ฝั่งนอร์ท หรือข้างหน้าเราเลย มีแค่ประตูเหล็กกั้น ถ้าพังประตูนั้นมาได้ ห้องสต๊อกที่เราอยู่เป็นห้องแรกที่คนร้ายจะเจอ ใจหวิวน้ำตาคลอจิตตก ภาพกราดยิงโคราชชัดขึ้นมาเรื่อยๆ ติดอยู่ในนั้นประมาน1ชม. ก็มีเสียงเจ้าหน้าที่เคาะประตู ลมแทบจับกลัวเป็นคนร้าย ก็พากันเปิดไฟค่อยๆหมอบวิ่งกันไปทางหนีไฟ ลงไปข้างล่าง อย่างปลอดภัย
เจอคนมากมายต่างยืนชุลมุนกัน เสียงหว๋อ รถพยาบาล รถตำรวจ นักข่าวเต็มไปหมด แล้วน้องสาวก็ทักมาว่าแม่เราก็ติดอยู่พารากอนฮอลชั้น5 ไปจัดงานบุฟเฟ่ ดาราช่องน้อยสี มีการ์ดดูแลปิดหนาแน่นเพราะมีแต่ดาราดังๆ ใจเรายิ่งไม่ดี อยู่ชั้นสูงสุดเลย
ระหว่างที่ออกมาได้แล้ว เราก็ยืนตรงข้างหลังลานจอดรถติดฝนหนักมาก จนกระทั่งได้ยินเสียงปืน เรารีบจับมือเพื่อนวิ่งฝ่าฝนเลยค่ะ วิ่งเท่าที่เร็วได้รู้ตัวอีกทีคือมาอยู่หลังเซ็นทรัลเวิลด์
ในกลุ่มห้างก็แจ้งว่าจับคนร้ายได้แล้ว ภาพที่เห็นว่าจับคนร้ายได้ ใจเราตกไปอยู่ตาตุ่ม เพราะตรงนั้นคือหน้าสต๊อกเราเลย ถ้าเรายังไม่ออกมาจากตรงนั้น เราคงสติหลุดมากแน่ๆ เหตุการ์ณนี้คงจำจนตาย เป็นวันที่ฝนตกแรง ฝุ่นครึ้มมืดท้องฟ้ามองอะไรแทบไม่เห็น ใจวังเวงไปหมด
ตั้งสติได้ ก็พากันเดินผ่านสกายวอล์คเพื่อจะไปสยามเซ็นเตอร์ หาเพื่อนอีกคนที่ทำร้านในนั้น เราใช้เวลาเดินมาก็เกือบชม.เลยค่ะ คนชุลมุนมากเวลานั้น พอเดินถึงเพื่อน หัวหน้าแผนกก็แจ้งให้ไปเอาของได้ ซึ่งก็คือภาพนี้แหละค่ะ ที่เราขึ้นไปเอาของแล้ว ต้องเดินตากฝนไปหลังห้างอยู่นาน และกว่าจะเดินออกมาอีกเกือบชม. นี่คือผู้ประสบภัยของแท้ ใจยังวังเวงไม่หายเลยค่ะ
ขอบคุณเฟซบุ๊ก Ratanaphon Wuttisela