เปิดใจ หนุ่มผู้ประมูลพื้นที่ขาย งานองค์พระ พร้อมเผยเงินที่ได้เอาไปทำอะไร

หลังจากที่โลกออนไลน์มีการแชร์คลิปเหตุการณ์การประมูลค่าเช่าพื้นที่ขายของใน "งานองค์พระปฐมเจดีย์ 2566" ที่กำลังจะ จัดขึ้นทั้งหมด 9 วัน 9 คืนในระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 2566 ณ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ซึ่งปีนี้มีเสียงหนาหูว่า "ค่าที่งานองค์พระแพงมาก" และกำลังเป็นที่สนใจอย่างมาก ล่าสุดทีข่าวได้เปิดใจหนุ่มนครปฐม กล้าเสี่ยงประมูลพื้นที่ขาย "งานองค์พระ" รับแพงขึ้นทุกปี 

ล่าสุด ทางทีมข่าวไทยนิวส์ออนไลน์ ได้สัมภาษณ์พิเศษกับ นายอิษวัต จันดา ชาวจังหวัดนครปฐม หนึ่งในผู้ที่ประมูลพื้นที่ขายของในบริเวณรอบๆ องค์พระปฐมเจดีย์ ในปีนี้ได้ ซึ่งทางด้าน นายอิษวัต อธิบายว่า การประมูลคือการยื่นซองแข่งกันเลย ใครที่ยื่นจำนวนเงินมากกว่าในพื้นที่ที่ต้องการก็จะได้ที่บริเวณนั้นไปครอง ซึ่ง นายอิษวัต ยอมรับว่า ค่าที่งานองค์พระปีนี้ แพงกว่าปีที่แล้วแน่นอน 

"ปีนี้แพงกว่า จากที่ไปยื่นซองประมูลมา ราคาค่าที่จะถูกอัพขึ้นในทุกๆ ปี อยู่ที่ว่าจะมากหรือน้อย แต่อย่างน้อยก็จะมีช่วงห่างอยู่ประมาณปีละ 5 หมื่น ค่อยๆ ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งส่วนตัวผมเองก็ประมูลมาเรื่อยๆ 10 กว่าปีแล้ว ปีนี้ผมประมูลค่าที่ได้ประมาณ 3 แสน 5 หมื่นบาท ในส่วนของผมคือ ถูกลงต่างจากปีที่แล้ว เพราะประมูลได้อยู่ในโซนท้ายๆ แล้ว"

นายอิษวัต อธิบายว่า ปีนี้ตนไม่กล้าที่จะเสี่ยง ซึ่งปีที่แล้วที่ตนลงทุนไปนั้นในส่วนของร้านตนไม่ได้กำไร พอหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าลูกน้องแล้วก็ไม่กำไร ซึ่งปีนี้ตนคาดหวังแค่ว่า อย่าขาดทุนก็พอ 

"โซนที่แพงที่สุดคือช่วงหน้า พระร่วงโรจนฤทธิ์ ไปจนถึงช่วงโซนท้าย ค่าที่แพงที่สุดซึ่งถูกประมูลเริ่มต้นที่ประมาณ 7 แสนบาท ซึ่งปีที่แล้วเคยมีคนประมูลมากกว่า 1 ล้านบาท แต่ปีนี้ยังไม่ถึง แต่ที่แน่ๆ คือมีคนประมูลเฉียดๆ ล้านไปแล้ว" 

นายอิษวัต เล่าต่อไปว่า เรื่องค่าที่นั้นราคานั้นจะอัพตามกาลเวลา ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจ อีกทั้งผู้คนส่วนใหญ่ที่มาประมูลก็มีทั้งคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ ทั่วประเทศเลยก็ว่าได้ที่เข้ามาประมูลกัน ทั้งร้านดัง ร้านอร่อยจากหลายๆ ที่ และร้านขายของฝาก ซึ่งวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมาคึกคักมาก ซึ่งปีนี้ยอดประมูลอยู่ที่ 77 ล้านก็ถือว่าสูง แต่หน้าพระร่วงคือแพงกว่าเดิมแน่นอน แต่ปีที่แล้วอยู่ที่ 84 ล้าน แต่การประมูลยังไม่จบลงเท่านี้ 

 

"การประมูลพื้นที่ขายของยังไม่จบ ยังไม่ทั้งหมดนะครับ เดี๋ยวจะมีให้ประมูลอีกครั้ง แต่จะเป็นรอบนอกแล้ว ซึ่งที่ผมตัดสินใจลงประมูลในทุกๆ ปีมานานกว่า 10 ปีแล้วก็เพราะว่า ในแต่ละมีจะได้ยอดรายได้ไม่เหมือนกัน อย่างถ้าปีที่แล้วไม่ได้กำไร แต่ก่อนหน้านั้นหลังที่รับบาลอนุญาตให้จัดงานได้ ร้านผมก็ได้กำไรเหลือๆ เลยก็เพิ่มขึ้น 3 ถึง 4 แสนได้ครับ" 

พร้อมกันนี้ นายอิษวัต ยังได้บอกอีกว่า เรื่องเงินที่ประมูลได้ในแต่ละปีนั้น ส่วนหนึ่งทางผู้จัดงานจะนำไปเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ และอีกส่วนก็จะนำไปบูรณะองค์พระปฐมเจดีย์ให้สวยงามและคงอยู่คู่กับชาวนครปฐมต่อไป 

 

หนุ่มนครปฐมรายนี้ยังได้อธิบายอีกว่า หลังๆ อาจจะกำไรน้อยลง แต่ก็ต้องมีลิมิตของตนเอง ปีนี้ตนก็คิดว่าน่าจะพอขายได้ไม่น่าจะขาดทุน ซึ่งจะมีบางร้านที่ขายดีมากๆ เขาจึงกล้าลงทุนประมูล ซึ่งในงานลักษณะนี้ปกติของกินจะขายดี ยิ่งช่วงนี้มีนักรีวิวเข้ามาเที่ยว มากินภายในงานแล้วโพสต์ลงโซเชียลอีก

 

นายอิษวัต ยังฝากอีกว่า แม้จะประมูลค่าที่แพง แต่ราคาสินค้าภายในงานไม่ได้แพงไปกว่าราคาสินค้าภายนอกท้องตลาดทั่วไปเลย ซึ่งส่วนใหญ่จะคิดเป็นราคามาตรฐานกันหมด อย่างส่วนตัวผมจะทำใจไว้แล้วว่าจะประมูลที่เท่าไหร่ เรื่องค่าที่จะไม่ไปบวกกับต้นทุนเลย ยินดีที่จะขายในราคาที่เท่าเดิม ขึ้นอยู่กับคนที่มาเที่ยวว่าจะซื้อ

 

"ส่วนเรื่องของกิน ผมก็เห็นคอมเมนต์นะครับว่า หลายคนบ่นว่าแพงและไม่คุ้ม แต่ผมก็เห็นนะครับว่าหลายร้านก็ใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับผม ก็คือขายในปริมาณเท่าเดิม ราคาเท่าเดิม ก็จะเน้นที่จำนวนที่ขายมากกว่า ก็จะได้กำไรบ้าง" 

 

พ่อค้าที่เพิ่งประมูลที่งานองค์พระได้หมาดๆ ยังบอกอีกว่า ปกติงานองค์พระจะจัด 9 วัน 9 คืน แต่ร้านค้าที่ประมูลพื้นที่ได้จะสามารถเข้าไปจัดแต่งร้านหรือเปิดให้บริการได้ก่อนประมาณ 7 - 10 วัน หลังจากงานยกเลิกไปก็ยังสามารถขายต่อไปได้อีกประมาณ 7 - 10 วันเหมือนกัน รวมแล้วเราจะได้ตั้งร้านขายประมาณ 23 วัน แต่วันที่มีคนเดินเยอะสุดก็จะอยู่ในช่วง 9 วันนี้

 

อย่างไรก็ตาม ร้านของ นายอิษวัต เปิดร้านขายอุปกรณ์โทรศัพท์ และ น้ำดื่ม ซึ่งปกติตนเองมีร้านอยู่แล้ว โดยปีที่แล้วตนอยู่ตรงหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ แต่ปีนี้ตนอยู่ช่วงโซนพระศิลาขาว ซึ่งตรงข้ามทางด้านหลังกับ พระร่วงโรจนฤทธิ์ ใครที่แวะไปเที่ยวอย่าลืมไปลองไปเลือกชม หรือดื่มน้ำคลายร้อนที่ร้าน "ไอเดีย" ป้ายสีเหลืองๆ ที่ตั้งอยู่หน้าพระศิลาขาวได้เลย