แม่โวย ลูกสาวไม่ทันรถไฟ ทั้งที่มาถึงก่อนเวลา ล่าสุดการรถไฟฯ แถลงแล้ว
แม่โวยลั่น ลูกสาวขึ้นรถไฟไม่ทัน ทั้งที่ไปถึงสถานีก่อนที่รถไฟจะออก 1 นาที ล่าสุดการรถไฟฯ แถลงแล้ว เผยข้อมูลกล้องวงจรปิด
เรียกได้ว่าเป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก กรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กได้โพสต์ร้องเรียนลงในกลุ่ม "รถไฟไทย Train Thailand" หลังจากลูกสาวของเธอขึ้นรถไฟไม่ทัน ทั้งที่ไปถึงสถานีก่อนที่รถไฟจะออก 1 นาที โดยในตั๋วระบุเวลาขึ้นรถ 15.24 น. แต่รถไฟดันออกก่อนเวลา ไปออกในเวลา 15.23 น.
โดยทางผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า "ขออนุญาตสอบถามค่ะ พอดีลูกสาวตกรถไฟขึ้นรถไม่ทัน ในตั๋วเขียนขึ้นรถเวลา 15.24 น. แต่บังเอิญรถติดฝนตก นิดนึงวันนั้น กว่าลูกจะมาถึงรถไฟออกพอดีแต่เป็นเวลา 15.23 น.รถไฟกำลังจะเคลื่อนตัว สงสัยนาฬิกาลูกเราเพี้ยนแค่ 1 นาที ลูกวิ่งไปบอกคนโบกธง เค้าบอกไม่ทันทั้งๆที่รถไฟเพิ่งบีบแตร เวลาอีก 1 นาที สรุปไม่ทัน
อันนี้คือเหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 7 ต.ค. 66 เวลา 15.23 น. สอบถามผู้รู้ค่ะว่าไม่มีการแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้เลยหรือคะ รู้ว่าผิดที่คนของเราแต่เคยเห็นผู้โดยสารมาไม่ทันรถไฟ เขายกธงรอจนขึ้น"
ทั้งนี้ หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไปได้เกิดเป็นดราม่าขึ้นมาทันที โดยเสียงของชาวเน็ตแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง โดยบางส่วนมองว่าควรเผื่อเวลาในการไปรอที่สถานีอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง เพราะการโดยสารรถสาธารณะต้องเผื่อเวลา ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถทัวร์ โดยเฉพาะเครื่องบิน กฎต้องเป็นกฎ
ขณะที่บางส่วนแย้งว่า มาก่อนเวลา 1 นาที ก็คือมาก่อน รถควรออกตรงเวลา หากเห็นว่ามีผู้โดยสารตกค้างที่เขามาทันเวลาก็ต้องยกสัญญาณหยุดรอเพื่อให้เขาขึ้น
ล่าสุดทางด้าน การรถไฟฯ ออกมาชี้แจงดราม่าดังกล่าวแล้ว หลังตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด ยืนยันขบวนรถไฟออกตรงตามเวลา โดยระบุว่า
ตามที่สื่อสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ข่าว กรณีผู้โดยสารที่เป็นเยาวชนเดินทางมาขึ้นรถไฟ ที่สถานีศาลายาไม่ทัน เนื่องจากขบวนรถมีการออกก่อนเวลา 1 นาทีนั้น นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย ชี้แจงว่า เมื่อเกิดเหตุดังกล่าว นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยทันที ซึ่งจากตรวจสอบข้อมูลจากกล้องวงจรปิดภายในสถานี รวมถึงสอบถามข้อมูลกับนายสถานีศาลายาที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาดังกล่าว ได้รับการยืนยันว่าขบวนรถไฟได้เคลื่อนขบวนออกจากสถานี ตามเวลาที่กำหนดในตั๋วโดยสาร 15.24 น. ไม่ได้มีการออกก่อนเวลาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ รายละเอียดข้อมูลที่ปรากฏจากกล้องวงจรปิด และคำให้การของนายสถานีศาลายามีรายละเอียดว่า ขบวนรถดังกล่าว คือ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 31 กรุงเทพ-ชุมทางหาดใหญ่ โดยในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ขบวนรถได้มาถึงที่สถานีศาลายา เวลา 15.20 น. (ก่อนกำหนดเวลา 3 นาที) ซึ่งตามปกติขบวนรถจะหยุดเพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสารประมาณ 1 นาที แต่ปรากฏว่าในวันดังกล่าว ขบวนรถได้หยุดที่สถานีศาลายาเป็นเวลา 4 นาที จนกระทั่งถึงเวลา 15.24 น. ซึ่งเป็นเวลาขบวนรถต้องออกตามที่ระบุในตั๋วโดยสาร นายสถานีศาลายาได้ออกมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของผู้โดยสาร เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว และประตูขบวนรถไฟอัตโนมัติปิด จึงแจ้งให้พนักงานกั้นถนนนำเครื่องกั้นลง จากนั้นให้สัญญาณขบวนรถออกตามเวลาที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม หลังจากขบวนรถออกจากสถานีไปเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าได้มีผู้โดยสารเยาวชน 2 คน เข้ามาแจ้งนายสถานีว่า ไม่สามารถขึ้นขบวนรถได้ทัน ซึ่งจากการสอบถาม และตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า ผู้โดยสารเยาวชนทั้ง 2 คนได้วิ่งเข้ามาคนละฝั่งซึ่งไม่ใช่จุดขึ้นลงขบวนรถ และขบวนรถได้ออกไปแล้ว จึงไม่สามารถแจ้งให้ขบวนรถหยุดได้ เพราะอาจกระทบต่อกฎข้อบังคับด้านความปลอดภัย แต่เพื่อเป็นการให้บริการที่ดี นายสถานีจึงให้ความช่วยเหลือแก่ 2 ผู้โดยสารเยาวชน ด้วยการจัดที่นั่งพักคอย และแนะนำให้ผู้โดยสารเดินทางด้วยรถไฟในขบวนถัดไปที่จะมาถึงสถานีศาลายาในเวลา 16.42 น. เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้โดยสารทั้ง 2 คน ให้เดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
นายเอกรัช กล่าวเพิ่มว่า การรถไฟฯ ข้อแจ้งเตือนให้ผู้โดยสารทุกคน รับทราบถึงข้อพึงระวังในการเดินทางด้วยรถไฟอย่างปลอดภัย โดยหากขบวนรถกำลังเคลื่อนออกจากสถานี ห้ามผู้โดยสารกระโดดขึ้นหรือลงจากขบวนรถเป็นอันขาด เพราะอาจพลาดพลั้งเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ และกรณีหากมาไม่ทันขบวนรถ ก็ขอให้รอเดินทางด้วยขบวนรถไฟถัดไป
ซึ่งท้ายนี้ การรถไฟฯ ขอขอบคุณทุกข้อเสนอแนะและคำติชมจากผู้โดยสาร ที่จะนำมาปรับปรุงการให้บริการรถไฟให้มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่พี่น้องประชาชนต่อไป