เช็คด่วน! เกณฑ์ปรับเงินเดือนข้าราชการใหม่ 10% ใครเข้าหลักเกณฑ์ข้อไหนบ้าง
ข้าราชการ เช็คด่วน! เปิดหลักเกณฑ์ การปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการใหม่ 10% สำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่รัฐ
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงเรื่องการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ โดยระบุว่า
ที่ประชุมครม.เห็นชอบการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้รับมอบหมายให้ไปศึกษาแนวทางการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผลออกมาว่า
การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ผู้ที่จบปริญญาตรีบรรจุใหม่ ภายใน 2 ปี จะปรับเพิ่มไม่ต่ำกว่า 18,000 บาทต่อเดือน โดยปรับเพิ่มปีละ 10%
ผู้ที่จบ ปวช. บรรจุใหม่ ภายใน 2 ปี จะปรับเพิ่มไม่ต่ำกว่า 11,000 บาทต่อเดือน โดยปรับเพิ่มปีละ 10%
"ตัวอย่างเช่น ผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีในปีแรกปรับเป็น 16,500 บาท ปีต่อไปปรับเพิ่มปีละ 10% ก็จะเกิน 18,000 บาทต่อเดือน โดยเบื้องต้นจะปรับแค่แรกรับบรรจุรับราชการ ส่วนผู้ที่จบ ปวช. บรรจุใหม่ จะไม่ต่ำกว่า 11,000 บาทต่อเดือน"
.
เงินชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบ
สำหรับข้าราชการเดิมที่ฐานเงินเดือนต่ำกว่าฐานของข้าราชการบรรจุใหม่ ให้มีการปรับชดเชยหรือย้อนหลัง ให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน
เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว
จากเดิมมีหลักการว่า ข้าราชการที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 13,285 บาท จะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวอีก 2,000 บาทต่อเดือน และเมื่อเพิ่มแล้วต้องไม่เกิน 13,285 บาท แต่จะมีการปรับเพดานใหม่เป็น 14,600 บาท หากข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีเงินเดือนไม่เกิน 14,600 บาท จะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวอีก 2,000 บาท แต่รวมแล้วต้องไม่เกินเดือนละ 14,600 บาทต่อเดือน
อีกกลุ่มหนึ่ง คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท หรือเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวแล้วก็ยังไม่ถึง 10,000 บาท จะปรับเพดานใหม่เป็น 11,000 บาท หรือผู้ที่มีเงินเดือนรวมกับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวแล้วยังไม่ถึง 11,000 บาท ก็จะเพิ่มให้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 11,000 บาทต่อเดือน
นายชัย วัชรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการจะใช้งบประมาณในปีแรก 7,200 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2567 และในปีที่ 2 จะใช้งบประมาณ 8,800 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568 แต่เนื่องจากงบประมาณในปีแรกจะใช้ได้จริงประมาณเดือนพฤษภาคม จึงอาจใช้จริงในปีแรกแค่ 5 เดือน จึงเป็นการอนุมัติในหลักการก่อน ด้านเงินค่าครองชีพชั่วคราวตั้งงบประมาณไว้ปีละไม่เกิน 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ครม.มีมติเห็นชอบและให้ทุกหน่วยงานไปดำเนินการตามนี้ โดยใช้แนวทางไปเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567