“สนธิญา” ยื่นหนังสือ พร้อมประกาศลั่น “สมรักษ์” ไม่ได้ตั้งใจ!
สนธิญา สวัสดี ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับกรณีร้อนแรงของ “สมรักษ์ คำสิงห์” เชื่อ สมรักษ์ไม่ได้ตั้งใจ ขอให้ตรวจสอบอย่างเป็นธรรม
วันนี้ (13 ธ.ค. 66) เวลา 10.30 น. ณ กระทรวงมหาดไทย “นายสนธิญา สวัสดี” ได้เข้ายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม ในกรณีที่ เด็ก 17 ปี แจ้งความข้อหาข่มขืนกับ “สมรักษ์ คำสิงห์” เพื่อความยุติธรรมของทุกฝ่าย รวมถึงสถานบันเทิง ให้ความจริงปรากฏและไม่เป็นไปตามกระแส
โดยชี้แจงใน 4 ประเด็น ดังนี้
- ประเด็นการให้ข้อมูลของเด็ก 17 ปี และกลุ่มเพื่อน ที่เข้าไปในสถานบันเทิง ยื่นบัตรประชาชนเหมือนกันทุกคนหรือไม่
- กรณีของสถานบันเทิงได้ปฏิบัติไปตามกฎหมาย ปิดภายในที่กำหนดเวลา 02.00 น. หรือไม่ อย่างไร
- ผู้ปกครองปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าไปในสถานบันเทิงได้อย่างไร แสดงถึงความไม่รับผิดชอบต่อผู้ใต้ปกครอง
- ให้ตรวจสอบการให้ข้อมูลต่อเจ้าพนักงานราชการทุกฝ่าย หากเป็นเท็จให้ดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมายอาญาต่อไป
นายสนธิญา ได้กล่าวต่อว่า “วันนี้มาในเรื่องของสังคมทั่วไป กรณีน้องอายุ 17 กับ คุณสมรักษ์ คำสิงห์ และสถานบันเทิง จะว่าผมหิวแสงก็ต้องขออนุญาตหิวแสง เพราะว่า สิ่งที่เกิดขึ้นผมได้ติดตามตั้งแต่วันแรก และข่าวสองวันที่ผ่านมาในฐานะที่คุณสมรักษ์คำสิงห์เป็นอดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิก ทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ทำให้คนไทยมีความสุขมาหลายครั้ง ส่วนชีวิตประจำตัวเป็นอย่างไรผมไม่ทราบ
แต่ในกรณีนี้นั้น คุณสมรักษ์ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอยู่แล้ว แต่ทีนี้สมมุติว่ามีคนร้ายเข้าไปยิงในบ้าน แล้วเจ้าของบ้านเข้าไปยิงคนร้ายเสียชีวิต แน่นอนครับคดีอาญาติดคุก แต่กรณีของศาลก็จะวินิจฉัยว่า กรณียิงคนตายนั้นเป็นเหตุสุดวิสัยป้องกันตัว อาจจะหลุดศาลคำร้องได้เฉกเช่นเดียวกับ กรณี น้อง 17 กับคุณสมรักษ์คำสิงห์ คดีนี้ผิดจริงแต่ด้วยองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง หมายถึงการวินิจฉัยของศาล คดีนี้ก็อาจจะไม่ผิด ก็สุดแต่ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัย และถ้าถามว่ากรณีนี้ถึงขั้นไหนเท่าที่ผมตรวจสอบสภ.เมืองขอนแก่น ก็ยังไม่ได้เรียก คุณสมรักษ์ ไปสอบ ในขณะเดียวกันก็ยังไม่ได้สอบน้องอายุ 17 ปี ที่เป็นผู้แจ้งความเพราะฉะนั้นกระบวนนี้เป็นกระบวนการเริ่มต้น แต่น้อง 17 ปีตามกระบวนการกฎหมายต้องได้รับสหวิชาชีพ และอาจจะมีผู้ปกครองคนใดคนหนึ่งเข้าไปอยู่ในกระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ด้วย”
และยังกล่าวทิ้งท้ายต่ออีกว่า
“ผมจะแยกเป็น 3 ประเด็น
ประเด็นที่ 1 คุณสมรักษ์ คำสิงห์ ผิดแน่นอน 100% ตามกระบวนการกฎหมายที่เด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ทำการอนาจารหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ผมขอกราบอีกครั้งนึงว่าคุณสมรักษ์จะผิดหรือไม่ผิดอยู่ที่ศาลจะวินิจฉัย ซึ่งผมไม่อาจล่วงล้ำได้ อย่างเช่น กรณีโจรเข้าบ้านแล้วเจ้าของบ้านยิงที่ผมกล่าวเบื้องต้นไป
ประเด็นที่ 2 คุณสมรักษ์ ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปกระทำการอย่างนั้นที่ขอนแก่น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าที่ไปพบกันที่สถานบันเทิง และสถานบันเทิงนั้นก็มีหลายคนที่เข้าไปถ่ายรูปร่วมกับคุณสมรักษ์ แต่น้อง 17 นั้นได้เข้าไปร่วมนั่งอยู่กับคุณสมรักษ์จนสถานบันเทิงเลิก แล้วจากภาพหรือวิดีโอก็ไม่ได้มีการบังคับขู่เข็ญใด ๆ เพื่อนำน้องไปยังสถานที่ ผมเชื่อว่าจะต้องมีการดื่มสุรา เจ้าหน้าที่ต้องมีการตรวจสอบตรงนั้น แต่คุณสมรักษ์ก็ได้พาน้องคนนั้นไปที่โรงแรม และระยะเวลาที่ผมดูที่น้องกับคุณสมรักษ์ได้ขึ้นไปบนโรงแรมจนกระทั่งลงมาใช้เวลาประมาณ 35 - 40 นาที สิ่งที่ผมตั้งข้อสังเกต คือ รูปที่น้องอายุ 17 ปี ได้ถ่ายนั้นคุณสมรักษ์นอนหลับ นั่นหมายรวมถึงใน 35 นาทีนั้นคุณสมรักษ์หลับช่วงไหน และน้องได้ส่งข้อความไปให้เพื่อนช่วยประเด็นไหน
อย่างไรผมขอกราบเรียนอีกครั้งว่า คุณสมรักษ์ผิด แต่จะผิดประเด็นไหนนั้นอยู่ที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการและการตัดสิน อย่างไรก็ตามอยู่ที่อำนาจของศาล พิจารณาและวินิจฉัยตามกระบวนกฏหมายนั้น นี่คือกรณีของคุณสมรักษ์ ส่วนในกรณีของน้องอายุ 17 ผู้ปกครองไม่ว่าจะเป็นตาเป็นพ่อหรือเพื่อนให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกัน กฎหมายมาตรา 137 การให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริงหรือความเป็นเท็จมีความผิดโดนจำคุกและปรับ เพราะฉะนั้น พ่อเลี้ยงเองคุณตาหรือเพื่อนที่ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ต้องระมัดระวังและผมไม่อยากพูดอะไรมากมายเพราะน้องอายุ 17 จะต้องเป็นอนาคตของชาติ แต่พฤติกรรมต่าง ๆ นั้นให้เป็นตัวอย่างต่อเยาวชนต่อไป ผมมีลูกสาวที่เดินตามหลังคือลูกสาวของผม และได้ผ่านในช่วงเวลาเหล่านั้นมาแล้ว เพราะฉะนั้นผมรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับเยาวชนอายุระหว่าง ม.1 - 5 เป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังในช่วง ม.2 - ม.6 เมื่อเขาขึ้นระดับมหาลัยก็จะมีความยั้งคิด นี่คือประเด็นของน้องซึ่งผมไม่อยากพูดอะไรมาก
ประเด็นที่ 3 ในเรื่องของสถานบันเทิง ก็จะเห็นว่าสถานบันเทิงนั้นมีการตรวจสอบค่อนข้างจะละเอียด แต่จะละเอียดขนาดไหนนั้น ผมดูทางวิดีโอเท่านั้นเอง ส่วนจะจริงเท็จหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในฐานะที่ผมอยู่กระทรวงมหาดไทยบุคคล บุคคลไทยสัญชาติไทยเชื้อชาติไทยจำเป็นต้องพกบัตรประชาชนไปในทุกสถานที่ การไม่พกบัตรประชาชนนั้นผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้นคนไทยจะมีบัตรสำคัญอยู่สามส่วน 1) บัตรประชาชน 2) บัตรใบขับขี่ 3)บัตรเอทีเอ็ม เพราะฉะนั้นมีบางส่วนบอกว่าให้เอาผิดกับสถานบันเทิง ผมก็บอกว่า มันเป็นการโหดร้ายกับเขาหรือไม่ การลงทุนของเขา 10 - 30 ล้านบาท และเขาได้ปฏิบัติ ส่วนน้อง 17 และพรรคพวก จะใช้บัตรที่เป็นไปตามความเป็นจริงหรืออย่างไรก็ตาม หรือเพื่อให้อายุสูงกว่าความเป็นจริงก็ตาม ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอีกครั้งนึง
ผมไม่เห็นด้วยกับการที่จะต้องไปปิดสถานบันเทิงแห่งนั้น ด้วยเหตุผลนี้ ผมขอกราบเรียนตรงนี้ ผมไม่เคยรู้จักคุณสมรักษ์เป็นการส่วนตัว กับน้องอายุ 17 เป็นการส่วนตัว และผมไม่รู้จักสถานบันเทิงแห่งนั้น และผมไม่เคยไปขอนแก่นในรอบ 15 ปี ทั้งสามส่วนนั้นผมมาร้องเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เพื่อเป็นตัวอย่างหรือเยี่ยงอย่างต่อไปในอนาคต ผมจึงมายื่นกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดย คุณสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับหนังสือ”
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงความประสงค์ของ นายสนธิญา สวัสดี ที่ได้ยื่นหนังสือต่อกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้ดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม ส่วนเรื่องราวของรูปคดีจะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามชมกันต่อไป