สสวท. พารู้จัก "วันเหมายัน" 22 ธันวาคม 2566 กลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เผย วันที่ 22 ธันวาคม 2566 คือ "วันเหมายัน" (เห-มา-ยัน) หรือที่คนไทยเรียกว่า "ตะวันอ้อมข้าว" ปรากฏการณ์ กลางวันสั้น กลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี
วันเหมายัน (Winter Solstice) หรือ "ตะวันอ้อมข้าว" ปรากฏการณ์ กลางวันสั้น กลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี
เป็นวันที่แกนโลกทางซีกโลกเหนือเอียงออกจากดวงอาทิตย์มากที่สุด ส่งผลให้ประเทศทางซีกโลกเหนือรวมถึงประเทศไทย มีกลางวันสั้นและกลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปีในวันเหมายันตำแหน่งของดวงอาทิตย์จะไม่เคลื่อนที่ผ่านเหนือศีรษะของผู้สังเกต ดังนั้น ชาวนาไทยจึงเห็นดวงอาทิตย์เคลื่อนที่อ้อมต้นข้าวไปทางทิศใต้ ทำให้นิยมเรียกปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า "ตะวันอ้อมข้าว" ด้วยความที่มีกลางวันที่สั้นและกลางคืนยาวนาน ทำให้มีอุณหภูมิสะสมลดต่ำลง หลายประเทศทางซีกโลกเหนือจึงถือว่าวันนี้เป็นวันเริ่มต้นการเข้าสู่ฤดูหนาว ขณะที่ประเทศทางซีกโลกใต้ถือเป็นวันเริ่มต้นการเข้าสู่ฤดูร้อน
นอกจากนี้ทางด้าน เฟซบุ๊กเพจ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เผยว่า
วันที่ 22 ธันวาคม นี้ วันเหมายัน (อ่านว่า เห-มา-ยัน) คือ วันที่มีช่วงเวลากลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี ปีนี้ตรงกับวันที่ 22 ธันวาคม 2566 ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด คนไทยเรียกว่า "ตะวันอ้อมข้าว"
ในแต่ละวัน ดวงอาทิตย์จะปรากฏอยู่ตำแหน่งที่ต่างกัน เปลี่ยนตำแหน่งไปประมาณวันละ 1 องศา ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ เคลื่อนที่จากจุดตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรของโลกลงมาทางใต้ สังเกตได้จากท้องฟ้าในช่วงนี้จะมืดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนมา ณ ตำแหน่งเฉียงไปทางทิศใต้มากที่สุดในวันเหมายันของแต่ละปี วันดังกล่าวจึงมีเวลากลางคืนที่ยาวนานที่สุด และเวลากลางวันที่สั้นที่สุด ดวงอาทิตย์จะขึ้นเวลาประมาณ 06:36 น. และจะตกลับขอบฟ้า เวลาประมาณ 17:55 น. (เวลา ณ กรุงเทพฯ) รวมระยะเวลากลางวันเพียง 11 ชั่วโมง 19 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ วันเหมายันยังนับเป็นวันเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศทางซีกโลกเหนือ และเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศทางซีกโลกใต้
สำหรับ "ฤดูกาล" บนโลก เกิดจากแกนโลกเอียงทำมุม 23.5 องศา กับแนวตั้งฉากกับระนาบโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ทำให้พื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกได้รับแสงอาทิตย์ในปริมาณไม่เท่ากัน ส่งผลให้มีอุณหภูมิต่างกัน รวมถึงระยะเวลากลางวันและกลางคืนก็ต่างกันด้วย เหตุนี้ทำให้เกิดฤดูกาลขึ้นบนโลกนั่นเอง สังเกตได้ว่าในฤดูร้อนดวงอาทิตย์จะขึ้นเร็วและตกช้า เวลากลางวันจะยาวกว่ากลางคืน แตกต่างกับฤดูหนาวที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นช้าและตกเร็ว เวลากลางคืนจะยาวนานกว่ากลางวัน
โดยในระยะเวลา 1 ปีที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ จะเกิดปรากฏการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการขึ้น-ตก ของดวงอาทิตย์ทั้งหมด 4 ครั้ง ได้แก่
- วันวสันตวิษุวัต (Vernal Equinox) วันที่มีกลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากัน อยู่ในช่วงวันที่ 20-23 เดือนมีนาคม
- วันครีษมายัน (Summer Solstice) วันที่กลางวันยาวนานที่สุด อยู่ในช่วงวันที่ 20-23 เดือนมิถุนายน
- วันศารทวิษุวัต (Autumnal Equinox) วันที่มีกลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากัน อยู่ในช่วงวันที่ 20-23 เดือนกันยายน
- วันเหมายัน (Winter Solstice) วันที่กลางคืนยาวนานที่สุด อยู่ในช่วงวันที่ 20-23 เดือนธันวาคม