เผยผลชันสูตร "น้องจ๋า" สาวไทยตกตึกชั้น 33 ที่มาเลเซีย
เปิดผลชันสูตร "น้องจ๋า" บัณฑิตใหม่เป็นเสาหลักครอบครัว พลัดตกจากตึกชั้น 33 เสียชีวิต ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
สืบเนื่องจากเหตุการณ์สลด บัณฑิตวัย 23 ปี พลัดตกจากตึกชั้น 33 เสียชีวิตที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 67 ทว่าเรื่องการเสียชีวิตน่าสงสัยจึงได้ร้อง มูลนิธิปวีณา ให้ช่วยเหลือ เนื่องจากผู้เป็นแม่ยังคาใจในการเสียชีวิตดังกล่าว ล่าสุด นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พา น.ส.นพรัตน์ อินปรุ อายุ 62 ปี และนายณรงชัย พันธ์สระน้อย อายุ 63 ปี พ่อและแม่ของน้องจ๋า ลูกสาวที่เพิ่งเรียนจบระดับปริญญาตรี ไปฟังผลชันสูตรศพด้วย
โดยทางด้าน นางปวีณา ได้ออกมาแถลงข่าวภายหลังรับฟังผลชันสูตรเบื้องต้นว่า แพทย์ระบุว่า ตามร่างกายพบว่ามีแผลถลอกฟกช้ำเป็นรอยครูดทั่วตัว ที่คาง ไหล่ ก้น หลัง ต้นแขน และขาหนีบ ซึ่งเกิดจากการถูกของแข็งที่ไม่มีคมก่อนเสียชีวิต และพบว่ากระดูกกะโหลกด้านหลังแตก กระดูกต้นขาหัก กระดูกข้อเท้าหัก กระดูกเชิงกรานหัก กระดูกสันหลังหัก ซี่โครงซ้าย-ขวา ด้านหลังหัก อวัยวะทุกส่วนหักหมด
อีกทั้ง ยังได้ตัดชิ้นส่วนตับ เพื่อไปตรวจดูสารพิษ และตัดเล็บไปตรวจหาเนื้อเยื่อหรือ DNA และทำการเก็บสารคัดหลังในช่องคลอด ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจจากห้องแลป เพื่อทราบผลอย่างละเอียด
นางปวีณา ยังระบุอีกว่า ครั้งนี้เป็นการผ่าตัดครั้งที่ 2 จึงมีข้อจำกัด เนื่องจากมีการผ่าพิสูจน์ครั้งแรกมาจากที่ประเทศมาเลเซีย และมีการฉีดฟอร์มาลีนมาแล้ว ทำให้มีข้อจำกัดในการตรวจสารพิษ หาเลือดไม่ได้เลยเพราะเลือดหมดแล้ว ปัสสาวะก็ไม่มี
ทั้งนี้ นางปวีณา ได้ขอให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ. ตร. ประสานตำรวจสากลและตำรวจมาเลเซีย เพื่อขอผลชันสูตรศพของน้องจ๋าในครั้งแรก ขณะนี้พ่อแม่ของน้องจ๋ายังเกิดความกังขาในเรื่องรอยช้ำตามร่างกายก่อนเสียชีวิต แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลการตรวจพิสูจน์ครั้งแรกที่มาเลเซียที่จะนำมาพิจารณาร่วมด้วยว่าสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงเกิดจากสาเหตุใด
ขณะเดียวกัน พ่อน้องจ๋า เปิดใจว่า พ่อแม่เสียใจ ยังทำใจไม่ได้ เพราะมีลูกสาวคนเดียว เพิ่งเรียนจบก็หวังจะเป็นเสาหลักครอบครัว ดูแลพ่อแม่ในยามชรา แต่ไม่ว่าผลการตรวจชันสูตรจะออกมาว่าอย่างไรพ่อแม่ก็ต้องทำใจ
อย่างไรก็ตามระหว่างที่มีการสัมภาษณ์กันอยู่นั้น จู่ๆ แม่ของน้องจ๋าที่ยังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกสาวและยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของลูก จึงทำใจไม่ได้ และเป็นลมหมดสติล้มทั้งยืน ทำให้นางปวีณา ผู้สื่อข่าว และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจต้องช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวเข้าตรวจรักษาที่ห้องฉุกเฉิน รพ.ตร.ทันที