ผบช.ก. แถลง ปฏิบัติการปิดเมือง ล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนใต้ พบของกลางเพียบ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. แถลงข่าว "ปฏิบัติการปิดเมืองนราฯ ล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนใต้" ยึดของกลางเพียบ
วันที่ (27 ม.ค.) เวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้มีการจัดแถลงผลการปฏิบัติการ "ปิดเมืองนราฯ ล่าซิมบอกซ์ตัดเครื่องมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนใต้" โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช กล่าวว่า
พฤติการณ์ในการกระทำผิดของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ จะมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้โทรหาผู้เสียหายโดยการใช้เครื่องซิมแบงค์ (SIMBANK) โดนมีการแยกเครื่องซิมแบงค์สำหรับเสียบซิมการ์ดโทรศัพท์ที่เป็นของค่ายโทรศัพท์ในประเทศไทย ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวจะมีการตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศก็ได้โดยจะต้องมีเครื่องซิปบ็อกซ์ (SIM BOX) ซึ่งเป็นอุปกรณ์อุปกรณ์แปลงสัญญาณอินเตอร์เน็ตเป็นสัญญาณมือถือ โดยอุปกรณ์ทั้งสองจะมีการเชื่อมต่อกันผ่าน Router โดยมี “Clound SIP Server" เป็นตัวกลาง
ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวจะมีวิธีการทำงานคือเมื่อแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์โทรมาจากต่างประเทศเข้ามาหลอกลวงผู้เสียหายในไทยโดยใช้อุปกรณ์ดังกล่าวจะระบุว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของประเทศไทยเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการ ขึ้นหมายเลขหน้าเบอร์โทรของ กสทช. ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปลงชื่อได้ง่ายขึ้น ซึ่งในแต่ละวันคนร้ายจะใช้อุปกรณ์เหล่านี้สุ่มโทรหาผู้เสียหายวันละหลายแสนครั้ง
ต่อมา กก.6 บก.ป. ได้สืบสวนจนทราบว่าในพื้นที่ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ชายแดนประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียมีการลักลอบติดตั้งอุปกรณ์ซิมหรือซิมเกตเวย์เพื่อใช้ในการโทรมาหลอกลวงผู้เสียหายชาวไทยหลายรายจนเป็นที่มาในการเปิดปฏิบัติการ "ปิดเมืองนราฯ ล่า SIM BOX" จำนวน 15 เครื่องและของกลางอื่นๆ
จากการปฏิบัติการสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมดสามราย ประกอบไปด้วย
1. น.ส.ซารีนา (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี
2. Mr.KIANG WAN อายุ 25 ปี สัญชาติมาเลเซีย
3. Mr.KUOK RONG อายุ 36 ปี สัญชาติมาเลเซีย
โดยทั้งหมด ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในข้อหา " ร่วมร่วมกัน, ใช้ และนำเข้าเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้คลื่นความถี่โดยได้รับอนุญาต, ประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับได้รับอนุญาต" ตาม พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498
โดยสามารถจับกุมทั้งสามรายได้บ้านเช่าในพื้นที่ตำบลสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เบื้องต้นมีผู้ต้องหาให้การสารภาพคือ น.ส.ซารีนา และ Mr.KIANG โดยทั้งคู่ได้รับค่าจ้างเป็นค่าดูแลอุปกรณ์ต่างๆ จากนายทุนชาวมาเลเซีย
ส่วนผู้ต้องหาอีกรายยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาอ้างเพียงว่า ตนเพียงโอนเงินให้ผู้ต้องหาที่ 1 ตามสั่งการของนายทุนชาวมาเลเซีย ส่วนตัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดแต่อย่างใด
ตำรวจสอบสวนกลางจึงขอเตือนประชาชนทุกท่านหากพบบุคคลต้องสงสัยมีพฤติกรรมน่าสงสัยหรือน่าเชื่อว่าได้มีการเช่าสถานที่เพื่อใช้ในการซุกซ่อนอุปกรณ์ 10 บล็อกสามารถแจ้งข้อมูลดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้บ้านหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบส่วนกลางให้ตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป