งานเข้า "ร้านเหล้าดัง" ไม่มีใบอนุญาต เร่งล่าตัวมือยิง ประวัติโชกโชน
งานเข้า ร้านเหล้าดัง หลังพบไม่มีใบอนุญาต สาวประวัติมือยิงหน้าร้านเหล้าดังย่านปิ่นเกล้า เป็นกลุ่มค้ายาเสพติด ล่าสุดออกหมายจับแล้ว
จากเหตุการณ์ยิงกันหน้าร้านเหล้าดังปิ่นเกล้า ภายในโครงการศูนย์การค้า The sense ปิ่นเกล้า ทำให้มีคนเสียชีวิต 1 รายคือนายธนู สำลี หรือตี๋ อายุ 29 ปี โดยในวันที่ 15 มี.ค.67 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ ว่ากรณีดังกล่าว กลุ่มผู้ก่อเหตุ 3 คนได้หลบหนีไป ล่าสุดตำรวจได้ออกหมายจับ คนยิงแล้ว 1 หมาย คือ นายอธิภัทร ธรรมบุตร อายุ 23 ปี พร้อมดำเนินคดีผับดังย่านปิ่นเกล้าดังกล่าว หลังพบไม่มีใบอนุญาต
โดยทางด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อเหตุมาได้มานั่งดื่มกันภายในร้าน โดยในกลุ่มมีผู้หญิงมาด้วย ระหว่างที่นั่งดื่ม ทางกลุ่มของผู้เสียชีวิตก็เข้ามานั่งดื่มภายในร้านเช่นกัน และมีการยกแก้วทำทีจะขอชนแก้วกับผู้หญิงที่มากับกลุ่มผู้ก่อเหตุ จนทำให้เกิดความไม่พอใจ มีปากเสียงและทะเลาะวิวาทกัน
จากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องมาห้าม จนกระทั่งตอนจะกลับบ้าน ทั้ง 2 กลุ่มก็ยังมาทะเลาะกันด้านนอกของร้าน ทำให้ผู้ก่อเหตุไปหยิบอาวุธปืนที่อยู่ในรถยนต์ก่อเหตุยิงจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ไปขึ้นรถเบนซ์หลบหนีไป พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คนที่ขับเก๋งยาริสตามไป ผู้ก่อเหตุได้กลับบ้านไป และให้เพื่อนขับรถเบนซ์ไปขับวนก่อนจะไปจอดไว้ที่บ้านพ่อตาของกลุ่มเพื่อนที่จังหวัดสมุทรสงคราม
- ล่าสุดศาลอาญาตลิ่งชัน ออกหมายจับ นายอธิภัทร ธรรมบุตร อายุ 23 ปี คนยิงแล้ว 1 หมาย จากการตรวจสอบประวัติ พบเป็นกลุ่มค้ายาเสพติด และพบประวัติเกี่ยวกับพรบ.อาวุธปืน ที่สน.บางขุนเทียนเมื่อปี 2566
ในขณะเดียวกันตำรวจได้คุมตัวนายนพรัตน์ และนายธนกฤต เพื่อนที่พาผู้ต้องหาหลบหนี ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบปากคำ รวมถึงได้สอบปากคำพยานแวดล้อมและหญิงสาวที่ร่วมวงชนแก้วกับผู้ต้องหาในคืนที่เกิดเหตุแล้ว รวมถึงจะตรวจสอบรถยนต์ที่ใช้ในการหลบหนีอีกด้วยเนื่องจากมีการดัดแปลงสภาพรถ
นอกจากนี้ ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้กำชับไปยังผู้กำกับสน.บางยี่ขัน ให้ตรวจสอบร้านสถานบันเทิงพบว่าไม่มีใบอนุญาตและมีการจำหน่ายสุราเกินเวลาที่กำหนดจึงได้สั่งให้ดำเนินคดีกับร้านดังกล่าวแล้ว
พร้อมฝากเตือนไปยัง บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาในการหลบหนีพักพิงว่าจะถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุดและหากพบตัวก็ขอให้แจ้งตำรวจ ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาได้หลบหนีออกจากพื้นที่กรุงเทพมหานครแล้ว ไปยังพื้นที่ย่านปริมณฑล ซึ่งตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการติดตามล่าตัว