นายกฯ เซ็นเด้ง บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก ตั้ง บิ๊กต่าย รักษาการ ผบ.ตร.
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งเด้ง บื๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก เข้ามาช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อม ตั้ง บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รักษาการ ผบ.ตร.
จากกรณี วันนี้ 20 มี.ค.67 มีรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ สุวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามาช่วยที่สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมมอบหมายให้ "บิ๊กต่าย" หรือ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รอง ผบ.ตร. รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร.
ความคืบหน้าล่าสุด เวลา 13.00 น. นายกรัฐมนตรีได้เรียกพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ เข้าพบที่ตึก ไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล และนายกฯ ได้เซ็นเอกสารให้พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ และ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว และได้ส่งเอกสารไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ 21 มี.ค.67 เวลา 8:00 น. นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมประชุม ก.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ซึ่งก่อนหน้านี้เวลาประมาณ 11.00 น. ที่ผ่านมา ทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและยุติความขัดแย้ง ภายในองค์กรตำรวจภายหลังจากมีรายงานว่าทั้งคู่ได้เข้าพบกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า การแถลงข่าววันนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันและไม่ให้เกิดความสับสน โดยเฉพาะภาพลักษณ์ขององค์กรที่เผยแพร่ในสายตาประชาชนในขณะนี้ ยืนยันว่าหลังจากนี้ คดีที่เกี่ยวเนื่องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ทั้งคดี Bnk Master ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูนนั้น หลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนโดยส่งให้ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางรับดำเนินการทั้งหมดเพื่อให้เกิดความยุติธรรม ส่วนกรณีหมายเรียกของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ จากสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน จะถือว่าเป็นโมฆะหรือไม่นั้นจะต้องให้พนักงานสอบสวนหารือด้วยกันอีกครั้ง
โดยเรื่องนี้ได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดภาพของความขัดแย้ง ซึ่งตนเองเป็นผู้ตัดสินใจในฐานะผู้บังคับบัญชาว่าจะขอเข้าคุยกับนายกรัฐมนตรีเองและแจ้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ว่าจะเข้าไปคุยกับนายกฯ ร่วมกัน โดยไม่ใช่เกิดจากถูกเรียกไปคุย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยหารือกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มาโดยตลอด
ย้ำว่าไม่ได้มีความขัดแย้งระหว่างกัน ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยขัดแย้งกับใคร ทุกอย่างเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาและคิดไปเอง เหตุใดตนเองจะต้องไปสะกัดขา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตามที่เป็นกระแสข่าวด้วย ที่ผ่านมาก็แต่งตั้งตำแหน่งอย่างเป็นธรรมและเปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนได้แสดงความคิดเห็นและความสามารถ
“ความขัดแย้งต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นล้วนเกิดจากโซเชียลมีเดียและขบวนการต่างๆ และหลังจากนี้ก็ขอให้ ความขัดแย้งระหว่างผู้ใต้บังคับบัญชาที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายยุติลงด้วย”
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนยอมรับว่าที่ผ่านมารู้สึกเครียดและพยายามประนีประนอมไม่ให้เกิดภาพความขัดแย้งระหว่างผู้บังคับบัญชา เพราะต้องการให้ผู้บังคับบัญชามีความสุขและมีขวัญกำลังใจ ขณะที่นายกฯเองก็ขยันทำงานมาโดยตลอด จึงไม่อยากนำเรื่องนี้ไปรบกวนนายกฯ
ตนเองเหลือเวลาอีก 100 วัน ก่อนเกษียณจึงอยากทำทุกวันให้ดี แม้ตนเองจะไม่ได้จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจแต่ก็เป็นอาจารย์มามากกว่า 20 ปี อยากให้ทุกคนอยู่กันอย่างพี่น้องทำไมเราจะรักกันไม่ได้ หากตำรวจรักกันไม่ได้ประชาชนจะทำอย่างไร
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีแนวคิดในการยุติความขัดแย้งทั้งหมดในองค์กรตำรวจ จึงได้พาตนเองไปพบนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้นำเรียนนายกรัฐมนตรีด้วยตนเองว่าจะส่งสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้กับ ป.ป.ช. ย้ำว่า
“หลังจากนี้ตำรวจทุกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมลเป็นผู้บังคับบัญชาเท่านั้น”
หลังจากนี้จะไม่พูดถึงเรื่องเดิมหรือเรื่องเก่าอีกต่อไป ส่วนที่เป็นคดีก็ให้ดำเนินการไปตามกระบวนการ ก็ต้องให้ไปชี้แจง แล้วเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายโดยยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับพลตำรวจตรีนำเกียรติผู้ใต้บังคับบัญชาที่เดินทางไปงานแถลงข่าววานนี้ ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามคำสั่งก่อนหน้านี้ และหากการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดวินัยก็จะต้องถูกดำเนินการ