"ทนายตั้ม" เผยเรื่องเล่าจาก "อดีตตำรวจเลว" เกี่ยวกับเรื่องรับเงินสินบน
"ทนายตั้ม" เผยเรื่องเล่าจาก "อดีตตำรวจเลว" เกี่ยวกับเรื่องรับเงินสินบน ทำให้โลกใบนี้เปลี่ยนไป เพราะการกระทำในสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง
วันที่ 1 เม.ย. 67 ทางด้าน "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊ก เปิดเผยเรื่องเล่าจากอดีตตำรวจเลว ระบุว่า...
เรื่องเล่าจากอดีตตำรวจเลว (ไม่ใช่เรื่องของผม)
พอดีผมหาข้อมูลภาพไปเจอเหตุการณ์หนึ่งที่ผมเสียใจมาก โดยผมทำให้โลกใบนี้ เปลี่ยนไปเพราะการทำของผมในสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง...!
จึงขอเล่าให้ฟัง คือ ผมเคยจับคนนี้ ครอบครองยาบ้า1,000 เม็ด แต่ด้วยความโลภ ของหัวหน้าชุดและผมด้วย ที่ไปเห็นเงินของกลางและข้อเสนอที่น่าเร้าใจ จึงตัดสินใจรับเงินสินบน 300,000 บาท แลกกับการไม่ดำเนินคดีกับคนนี้
ผมได้ปรึกษากันกับหัวหน้าชุด สรุปว่าได้ทำประวัติและตรวจยึดของกลางพร้อมกับรับเงินสินบน 300,000 บาท โดยไม่เคยคิดเลยว่าผลกระทบในสิ่งที่เราเลือก ที่จะทำผิดเป็นถูก คือถ้าผมจับคนนี้และทำตามกฎหมายให้ถูกต้องไป คนนี้ก็จะไม่ได้มาสร้างลัทธิความเชื่อบูชาเจ้าแม่ที่เป็นข่าวดัง ที่งมงายให้สังคมก่นด่า
คือผมพยายามสนับสนุนในสิ่งที่พี่ทำเพราะผมเคยทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องมาแล้วมันเปลี่ยนประเทศเราได้เลยครับพี่
โดยล่าสุดวันนี้ (1 เม.ย.) เวลา 10.10 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางมายัง สน.เตาปูน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยารวมถึงบัญชีม้าอีกสองคน รวม 4 คน ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
ทนายตั้ม กล่าวว่า พยานหลักฐานที่ตนนำมาในวันนี้เป็นชุดเดียวกันกับที่ตนไปยื่นให้กับทาง ปปป. จำนวน 175 แผ่น ส่วนที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถอนแจ้งความหมิ่นประมาทกับตนนั้น อาจจะเป็นเพราะกลัวว่าตนต้องไปขอเอกสารเส้นทางการเงินจากธนาคารของเครือญาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อย่างไรก็ตามในวันนี้ตนจะไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอคัดคำฟ้องตรวจสอบว่าในคำฟ้องมีการกล่าวหาที่เป็นเท็จกับตนหรือไม่อย่างไร
โดยการเดินทางมาแจ้งความของตนในวันนี้ ที่ยังไม่แจ้งความในมาตรา 157 เพราะเกรงว่าสำนวนคดีจะถูกส่งไปยัง ป.ป.ช. โดยการมาดำเนินคดีในครั้งนี้ เป็นการแจ้งความในฐานะตนเอง ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดังนั้น ในส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะดำเนินคดีอย่างไรผ่าน ป.ป.ช. ก็เป็นส่วนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เอง
ส่วนเรื่องเส้นทางการเงิน หลังจากที่เมื่อวานนี้ตนให้การกับ ปปป. แล้ว ก็คาดว่าน่าจะมีการออกหมายเรียกพยานในคดีมาให้การเพิ่มเติมภายในวันพุธหรือพฤหัสบดีนี้ ไม่ว่าจะเป็นนางพิมวิไลหรือบุคคลอื่น ๆ
ตนจะติดตามการดำเนินคดีไปให้ถึงที่สุด หากมีพยานหลักฐานใหม่ก็จะนำเข้ามาสู่กระบวนการ รวมทั้งจะติดตามการทำงานของพนักงานสอบสวนว่า ทำตามในสิ่งที่ควรจะทำหรือไม่ ถ้าพนักงานสอบสวนละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนต่อไปด้วย เพราะถือว่าตนคิดดีแล้วว่าจะทำสิ่งนี้และมีพยานหลักฐานที่มั่นใจเพียงพอได้ว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้จริง
ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า ตนอยากถามไปถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า ทำไมยังนิ่งเฉยกับการที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถูกตั้งคำถามข้อสงสัยในเรื่องการฟอกเงิน ซึ่งหากเป็นผู้นำรัฐบาลต่างประเทศ ก็ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับผู้บัญชาการระดับสูงของประเทศนั้น ๆ แล้วหากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต เชื่อว่าหากตนยื่นเอกสารไปยังนายกรัฐมนตรี ก็น่าจะถูกถูกเพิกเฉยและไม่มีการดำเนินการใดๆ
ทนายตั้มกล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะยังคงตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเครือญาติต่อไป โดยเฉพาะเส้นทางการเงินที่บริจาคทำบุญตามวัดต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้มีคนแจ้งข่าวมาว่า มีการบริจาคให้อีก 2-3 วัด โดยยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ เพราะพบว่ามีการโอนผิดปกติหลายครั้ง ซึ่งมีพฤติการณ์คล้ายคลึงกับวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรีที่มีการเปิดโปงไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังพบเส้นทางการเงินที่ให้เงินแก่คนในครอบครัวเป็นรายเดือนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมปราบปรามผู้ทำความผิด
ส่วนสาเหตุที่ตนเลือกแจ้งความที่ สน.เตาปูน เพราะเนื่องจากสถานีตำรวจแห่งนี้นั้นรับทำคดีเว็บพนัน BNK Master จึงเชื่อว่า น่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ในระดับหนึ่งที่สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินสายอื่นๆ ได้ ซึ่งตนก็อยากให้ทางตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียดก่อน แม้ว่าถ้าหากคดีเว็บพนัน BNK Master ถึง ป.ป.ช. เมื่อไหร่ ตนรู้สึกอุ่นใจมากกว่า แต่ก็กังวลว่าอาจจะทำงานช้ากว่าการทำงานของตำรวจ