"สารวัตรแจ๊ะ" เดินหน้าฟ้อง "ทนายรัชพล" หลังโพสต์พาดพิงจับแพะ คดีน้องชมพู่
"สารวัตรแจ๊ะ" เจ้าหน้าที่สืบสวนนครบาลคนดัง เดินหน้ายื่นฟ้องหมิ่นประมาท "ทนายรัชพล ศิริสาคร" หลังโพสต์พาดพิงจับแพะ คดีน้องชมพู่
เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจอย่างมาก หลังจากมีมีรายงานว่า พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ "สารวัตรแจ๊ะ" สว.สส.3 บก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่คนดังของ กองกำกับการสืบสวนนครบาล (IDMB) เดินหน้าฟ้อง ทนายรัชพล ศิริสาคร ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ต่อศาลอาญา หลังทนายรัชพล โพสต์ข้อความพาดพิง กล่าวหาว่าสารวัตรแจ๊ะจับแพะ ทำให้มีคนติดคุกฟรี ปีกว่า ในคดีน้องชมพู่
ล่าสุด สารวัตรแจ๊ะ เปิดเผยว่า คดีที่ทนายรัชพล โพสต์ข้อความใส่ร้ายตนว่าจับแพะ ทำให้ติดคุกฟรี ปีกว่า ซึ่งความจริงคดีนี้ การจับกุมจำเลยคดีดังกล่าวตนได้ทำไปตามหลักของการสืบสวน ไม่ได้มีการใส่ร้ายหรือกลั่นแกล้งจับกุม ตนมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมให้ศาลพิจารณา แม้คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นจะยกฟ้อง ก็ยกฟ้องด้วยเหตุสงสัย
ต่อมาศาลอุธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างหลักฐานของโจทก์ได้ จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง จำคุก 2 ปี และเนื่องจากจำเลยมีประวัติความผิดเกี่ยวกับคดีอาญา เป็นเหตุให้เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 2 ปี 8 เดือน
แม้ต่อมาศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ก็ยังยกฟ้องด้วยเหตุสงสัย ไม่ได้ยกฟ้องเพราะเห็นว่ามิได้กระทำความผิดโดยศาลวินิจฉัยพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย
ทั้งนี้ สารวัตรแจ๊ะ ยังบอกอีกว่า การมาฟ้องในวันนี้ถือเป็นการปกป้องชื่อเสียงของตน ทุกวันนี้ตนทำงานมีหน้าที่ตนต้องปกป้องประชาชน ถ้าวันนี้ตนปกป้องตัวเองไม่ได้ ตนจะไปปกป้องคนอื่นได้ยังไง กล่าวหาว่าตนพาผู้ต้องหาไปอยู่เซฟเฮาส์ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมทนายไม่แนะนำให้ลูกความดำเนินคดีกับตน ฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวไปเลย
ทนายต้องรู้กฎหมาย เป็นการจับกุมตามหมายจับของศาล กระบวนการต่อไปมี พนักงานสอบสวน อัยการ และศาล ไม่เคยรู้จัก ไม่มีเหตุกลั่นแกล้งกัน โพสต์ข้อความใส่ร้ายตนตอนนี้ต้องการอะไร
ขณะที่ ทนายอาชิรญาณ์ ทนายความของสารวัตรแจ๊ะ เสริมว่า การยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยนั้น ตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.227 วรรคสอง ต่างจากการยกฟ้อง เพราะเห็นว่ามิได้กระทำความผิดหรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ตามหลักกฎหมาย ถ้าพยานหลักฐานที่ปรากฏต่อศาลยังมีข้อสงสัยอยู่ ว่าจำเลยกระทำความผิดจริงหรือไม่ ศาลก็จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย
หลักนี้มีในกฎหมายไทยและเป็นหลักสากลอยู่แล้ว และคดีที่สารวัตรแจ๊ะถูกกล่าวหาศาลอุธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย นั้นหมายความว่ามีพยานหลักฐานหนักแน่น ยืนยันได้ว่าจำเลยกระทำความผิด เพียงแต่ศาลฎีกา ยกฟ้องเพราะเหตุแห่งความสงสัยบางประการ ไม่ได้หมายความว่าจำเลยจะไม่ได้กระทำความผิด และศาลก็ไม่ได้ชี้ชัดว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด
การที่นักกฎหมายหรือทนายความออกมาพูดกล่าวหาสารวัตรแจ๊ะแบบนี้ เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ถ้ามีประชาชนหรือผู้ติดตามเพจสื่อโซเชียลมีเดียเกิดหลงผิดเชื่อขึ้นมา หรือไม่เข้าใจข้อกฏหมาย การพูดแบบนี้ถือว่าเป็นการทำลายหลักกฎหมาย และทำลายตำรวจที่กำลังทำงานเพื่อประชาชนอยู่ ถ้าตำรวจจับโจรแล้วศาลยกฟ้อง แล้วตำรวจต้องถูกกล่าวหาว่าจับแพะ ตำรวจคงไม่กล้าจับคนร้าย