เปิดประวัติ "พระสิ้นคิด" หลวงตาสินทรัพย์ จรณธัมโม ก่อนเข้าสู่เพศบรรพชิต
เปิดประวัติ "พระสิ้นคิด" หรือ หลวงตาสินทรัพย์ จรณธัมโม ถ่ายทอดประวัติชีวิตสุดโชกโชนผ่านมาหมดแล้วทั้ง คุก บ่อน ซ่อง ก่อนเข้าสู่เพศบรรพชิต
กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนให้ความสนใจและวิพากวิจารณ์อย่างมาก กรณีข่าว แม่ชีเจิ้น พร้อมด้วยลูกศิษย์ ได้ถอยรถหรูป้ายแดง BMW ถวายเป็นยานพาหนะให้กับ พระสิ้นคิด หรือ หลวงตาสินทรัพย์ จรณธัมโม ประธานที่พักสงฆ์ป่าบ่อน้ำพระอินทร์ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี เพื่อใช้เดินทางรับกิจนิมนต์ เพราะเห็นว่าทรงคุณค่าและคู่ควรที่สุด เพราะเหตุนี้ทำให้เกิดความสงสัยอย่างมากว่า หลวงตาสินทรัพย์ จรณธัมโม หรือ พระสิ้นคิด คือใคร
โดยมีรายงานว่า พระสิ้นคิด หรือ หลวงตาสินทรัพย์ ได้เล่าประวัติ พระสิ้นคิด หลวงตาสินทรัพย์ จรณธัมโม เป็นการเล่าความเป็นมาของตนเองผ่านยูทูบ prasinkid ระบุว่า ตนเองเกิดในครอบครัวที่ฐานะยากจนมาก โดยหลวงตาเป็นลูกชายคนโตจากบรรดาพี่น้องทั้งหมด 4-5 คน โดยพ่อและแม่แยกทางกันอยู่ ขณะหลวงตาอยู่ในครรภ์ 6 เดือน ออกมาไม่กี่เดือนแม่ก็ไปแต่งงานใหม่ เลยอยู่กับยาย ยายเอามาเลี้ยงดูแลตอนเด็ก
หลวงตาเติบโตมาด้วยความแร้นแค้น โดยในหมู่บ้านถือได้ว่าเป็นครอบครัวที่ยากจนที่สุดครอบครัวหนึ่ง จึงไม่ค่อยได้เรียนหนังสือ เมื่ออายุ 7-8 ขวบ จึงต้องไปทำงาน ไปหาปู ปลา มาทำอาหารประทังชีวิต เมื่อตอนเป็นเด็กน้อยใจในโชคชะตาว่า ทำไมคนอื่นมีเพรียบพร้อม มีบ้านหลังโต มีเงินซื้อของกิน เสื้อผ้าใหม่ๆ สวยๆใส่ ขณะที่หลวงตาเอง รองเท้าแทบไม่มีใส่ ต้องเดินเท้าเปล่า บางครั้งต้องไปเอาที่คนอื่นเขาทิ้งแล้วมาใส่ ถ้าจะมีก็คือไปเก็บที่เขาทิ้งแล้วมาใส่ ด้วยความที่จนมากจึงไม่ค่อยมีเพื่อน หากจะมีก็คือเป็นรุ่นพี่ที่อายุห่างกันเป็นสิบปี ทำให้โตเกินอายุ
หลวงตา เผยว่าถึงช่วงเวลาวัยรุ่น ไม่เคยมีแฟนเลยสักครั้ง ไม่เคยอกหัก เนื่องจากเจียมตัวว่าฐานะตนยากจน คงไม่มีใครอยากมาใช้ชีวิตลำบากด้วย
อายุ 13-14 ปี เป็นเด็กเสิร์ฟน้ำในบ่อน เมื่อมีบ่อนก็มีซ่องเป็นของคู่กัน และได้ไปทำงานในซ่อง แต่ไม่ใช่ว่าไปหลับนอนด้วย แต่ไปเรียนรู้ชีวิตของคนที่อยู่ข้างใน
ต่อมาปี 2521 เข้าสู่วงการนักเลง ไม่ใช่ไปกินเหล้าหาเรื่องใคร แต่หนักถึงขั้นปล้นจี้ชิงทรัพย์ แล้วโดนจับที่อำเภอกุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ในคดีจับคนไปเรียกค่าไถ่ พ่อแม่ไม่มีเงินประกันตัวสู้คดี เลยต้องติดคุกตอนอายุ 15 ศาลตัดสินให้จำคุกสิบกว่าปีเพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ แต่ติดจริงประมาณ 3 ปีเพราะความประพฤติดีได้อภัยโทษ วันแรกที่ได้เหยียบโลกภายนอกก็บอกกับตัวเองว่าจะไม่กลับเข้ามาอีกแล้ว
พออายุ 19 ปี ได้พบรักครั้งแรกกับจิ๋ว สาวรุ่นน้องจากการแนะนำของรุ่นพี่ อยู่ด้วยกันไม่ถึง 5 เดือนก็เลิกรากัน เพราะทะเลาะกัน พอเลิกกับแฟน พ่อแม่เลยให้เงินมา 400 บาท เอาติดตัวมาหางานทำที่กรุงเทพฯ ในปี 2526 เริ่มจากรับจ้างขัดรองเท้าแถวสำโรง สมุทรปราการ ก่อนจะมาล้างจานแถววงเวียนใหญ่ในร้านอาหาร รับหน้าที่เคลียร์กับพวกลูกค้าที่ชอบมาอวดเบ่ง และตามเถ้าแก่ไปไหนมาไหนตลอด
แต่วันหนึ่งตนไปมีเรื่องกับเจ้าถิ่นขาใหญ่ ทำให้ต้องหนีมาอยู่แถวสวนส้มย่านคลอง 13 ปทุมธานี ก่อนจะไปพบรักกับภรรยา แถวสวนส้มย่านคลอง 13 ปทุมธานี ซึ่งตอนไปสู่ขอมีเงินติดตัวแค่ 1,100 บาท แต่แม่ยายเรียกเงิน 30,000 ทองคำอีก ตนเลยต้องกลับ เพราะเงินไม่พอ แต่แฟนก็หนีตามกลับมาด้วย จากนั้นจึงพากันไปขอขมา ก่อนที่แม่ยายจะใจอ่อนยอมรับสินสอด 800 บาท และมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ด้วยนิสัยเจ้าชู้ทำให้มีผู้หญิงเข้ามาเรื่อยๆ
พออยู่มาวันหนึ่งรู้สึกว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี ผ่านอะไรมาหลายอย่างแล้ว จนกระทั่งปี 2542 หลานชายติดยา ครอบครัวเขาอยากจะให้บวช เลยมาขอร้องตนให้ช่วยบวชเป็นเพื่อนหลานสัก 3 เดือน แต่วัดแถวนั้นไม่ยอมเพราะชื่อเสียงตนไม่ค่อยดี เลยถูกส่งมาบวชครั้งแรกที่วัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด เมื่อปี 2542 ตอนที่เดินเข้ามาฝนวัดก็รู้สึกเกิดอัศจรรย์บางอย่างในใจ เห็นกิริยามารยาทของพระ ญาติโยม และความศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่เจ้าอาวาส ก็เกิดความสนใจว่าทำได้อย่างไร เมื่อครบ 3 เดือนหลานได้สึก
แต่ตนไม่ได้สึกเพราะเจ้าอาวาสไม่ยอม ขอกี่ครั้งก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมสึกให้ เพื่อนที่เป็นพระเลยชวนไปออกธุดงค์ก็รู้สึกอิ่มเอมใจ กลับมาก็ถูกส่งไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดป่าภูถ้ำนก จังหวัดมุกดาหาร ที่เป็นวัดร้าง ก่อนจะมีพระตามไปอยู่ด้วยทีหลัง แล้วก็ย้ายไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ ทั้งในโคราช อุบลราชธานี บวชอยู่นาน 8 ปี แล้วก็สึกในปี 2550 เนื่องจากพระอาจารย์สั่งให้สึกแล้วมาบวชใหม่ โดยบอกว่ามีวิบากกรรมที่จะต้องตามไปแก้ให้เสร็จสิ้นเพราะผัดผ่อนมาหลายชาติ ก็สึกวันนั้นเลยเพราะพระสายกรรมฐานจะเชื่อครูบาอาจารย์ หลังสึกออกมาก็ไปทำอาชีพค้าขาย
จนกระทั่งปี 2557 รู้สึกอยากบวชอีกครั้ง จึงขอภรรยาก่อนจะมาบวชใหม่ที่วัดสาขาของหลวงปู่สี กับเจ้าคณะอำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด หลังจากนั้นจึงตัดสินใจแยกออกมาอยู่ที่อุบลราชธานี เริ่มเปลี่ยนมาใช้ชื่อ "พระสิ้นคิด" โดยปลูกเพิงอยู่คนเดียวทำการเจริญอานาปานสตินานถึง 5 ปี แล้วมีคนมาพบแล้วถ่ายไปลงโซเชียลจนเริ่มมีคนรู้จัก เลยมาสร้างวัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ ดังที่เห็นในตอนนี้
ทั้งนี้ พระสิ้นคิด หรือ หลวงตาสินทรัพย์ มีผู้ติดตามบนโลกออนไลน์จำนวนมาก เพราะเทศน์แล้วสนุก เข้าใจง่าย มีอารมณ์ขัน และรู้จักหยิบประเด็นเด่นในสังคมมาเชื่อมโยงกับหลักธรรมคำสอน ทำให้ธรรมะดูสนุก ไม่น่าเบื่อ โดยมีลูกศิษย์ให้ความเคารพหลากหลายวงการอาทิทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน รวมถึงศิลปินนักแสดง เป็นต้น