"พระพ่อเสี่ยต้น" เผย เมียลูกชายขอไม่ให้ชันสูตรศพ เสนอเงินให้ 2 ล้าน
พระพ่อเสี่ยต้น เผยเมียลูกชาย ยื่นเงิน 2 ล้านแต่พ่อไม่รับ ขอไม่ให้ส่งศพชันสูตรการตายกลัวเจอสารเร่งกล้ามเนื้อ
จากกรณี "เสี่ยต้นดับปริศนา" เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2567 ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ พร้อมครอบครัวนายพิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น ประกอบด้วย พระวสันต์ กลีบจินดา (กตคุโณ) พ่อของเสี่ยต้นจำวัดแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี , นางประภาพินท์ กลีบจินดา อายุ 63 ปี แม่เสี่ยต้น , นางสาวณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ หรือ เจ น้องสาวเสี่ยต้น , น.ส.หมวย และนายตั้ง ญาติสนิทเสี่ยต้น ตั้งโต๊ะแถลงข่าวยืนยันติดใจการเสียชีวิตของเสี่ยต้นตั้งแต่แรก เนื่องจากเคยถูกลอบยิงในพื้นที่สน.วังทองหลาง มาก่อนด้วย
โดยหลวงพ่อวสันต์ พระพ่อเสี่ยต้น เล่าว่า จากวันที่จะเคลื่อนย้ายศพออกไปผ่าพิสูจน์แต่เนื่องจากครอบครัวไม่มีเงินจ้างรถและจ้างแพทย์ชันสูตร จากนั้นวันต่อมาหลวงพ่อไปเคารพศพที่บ้าน น.ส.มด ภรรยาเสี่ยต้น ขณะกำลังจุดธูป น.ส.มด เข้ามานั่งข้างๆ และบอกว่า ถ้าเอาศพไปผ่า แล้วเจอสารที่ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ ประกันจะไม่จ่ายเงินให้ แต่ถ้าไม่ผ่า ก็จะได้เงินมาบ้าง และทาง น.ส.มด จะถวายให้ 2-3 ล้านบาท
หลวงพ่อตอบกลับไปว่า ถ้าจะให้ ขอไม่รับ แต่ขอคอนโดให้แม่ของเสี่ยต้น เพราะไม่มีที่อยู่อาศัย และขอให้ น.ส.มด สร้างกุฎิถวายสงฆ์ อุทิศส่วนกุศลให้เสี่ยต้น ปัจจัยที่จะให้ หลวงพ่อไม่เอา ขอแค่นี้
ด้าน น.ส.หมวย ญาติสนิทเสี่ยต้น เปิดคลิปเสียงของวันที่ 21.25 น. ของวันที่ 16 เม.ย.2567 ขณะครอบครัวเดินทางไปที่ รพ.แห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม เพื่อจะขอให้ชันสูตรศพนายต้น เนื่องจากยังติดใจการเสียชีวิตจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจจะถูกฆาตกรรมจริงหรือไม่ก็ได้
แต่อยากให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งทางแพทย์แจ้งว่า ดูภายนอกที่ตรวจได้ พฤติการณ์อาจจะบอกไม่ได้ ทางแพทย์เข้าไปเจอเสี่ยต้นเสียชีวิตช่วง 06.00 น. ขณะนั้นตรวจสภาพศพละเอียดระดับนึง ตัวแข็ง นอนหงาย เลือดตกข้างหลังแล้ว เสียชีวิตประมาณ 4-6 ชั่วโมงแล้ว ไม่พบร่องรอยบาดแผล หากญาติยังติดใจ สามารถส่งชันสูตรต่อได้
ด้านนายตั้ง สามีของน.ส.หมวย ผู้ที่เป็นคนเห็นและถ่ายภาพหน้าศพเป็นสีคล้ำยืนยันว่า ไม่ได้ตัดแต่งภาพ ตรวจสอบต้นฉบับจากมือถือตนได้ สภาพศพดำเหมือนขี้เลน
ตอนนั้นผิดสังเกตุเหมือนกันว่า ตั้งแต่รดน้ำศพหรือพิธีต่างๆ ไม่มีใครเปิดผ้าเลย กระทั่งก่อนที่จะเผา จึงมีญาติโวยวายว่าทำไมเปิดหน้าเลย พอเปิดออกมาก็เห็นว่าดำมากและมีเลือดไหลบริเวณจมูก คนในงานก็เริ่มมีการพูดกัน แต่ทางภรรยานายต้นไม่ได้พูดอะไร
ส่วนที่มีการเปลี่ยนโลงศพนั้น มีจริง ตนเป็นคนยกโลง แต่ตอนนี้ผ้าก็ปิดอยู่ ใจก็อยากดูสภาพศพเหมือนกัน แต่เจ้าหน้าที่รีบเอาเข้าโลงใหม่ ซึ่งพบว่ามีการส่งกลิ่นเหม็นแล้ว นอกจากนี้ยังสังเกตุว่า ทำไมรีบเผา และเผาวันศุกร์ ซึ่งปกติจะไม่เผาศพวันนั้นกัน
ส่วนภาพในงานศพ เห็นมีแต่น้องสาวภรรยาเสี่ยต้น แต่ไม่เจอแฟนของน้องสาวแต่อย่างใด
ด้านนางประภาพินท์ แม่เสี่ยต้นก็สงสัยว่าทำไมสภาพลูกชายถึงดำขนาดนี้ ดำเหมือนถ่าน แต่ไม่ได้ถามอะไร ทุกคนรู้อยู่ในใจ และทางฝ่ายภรรยาเสี่ยต้นจัดการเองหมด หลังจากเผาศพลูกชายไปแล้วยังไม่ได้คุยกับลูกสะใภ้และไม่ได้เจอกันเลย มีแต่เข้ามาเอาแมว และโพสต์ต่อว่าทำนอง บ้านของเค้ากับลูกชาย แม่ไปอยู่บ้านเค้าโดยที่แม่ไม่ได้ซื้อ พร้อมเผยที่ผ่านมาเป็นคนเลี้ยงหลานทั้ง 3 คนมาตั้งแต่เกิด อยู่กันมาหลายสิบปี จะมาไล่แม่ออกจากบ้าน ซึ่งอยากเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกชาย อยากให้ทุกคนช่วย เท่าที่จะช่วยได้
ส่วนปัญหาความขัดแย้งของลูกชาย ไม่เคยมี มีแต่ภายในบ้านก็มีแต่ครอบครัวเค้า ผัวเมียทะเลาะกัน คนใกล้ตัวเท่าที่ทราบไม่มี
ส่วนที่มีกระแสว่านายต้นเคยพาผู้หญิงอื่นเข้าบ้านหรือไม่ "แม่ไม่ทราบไม่เคยเห็น เพราะเค้ารักเมียเค้าจะตาย"
ส่วนภาพคนร้ายที่ตำรวจเอามาเปิด ไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก และยืนยันไม่เคยเจอญาติฝ่ายภรรยานายต้น
ด้านทนายเดชา เปิดเผยว่า พรุ่งนี้เวลา13.00น. จะพาพยานทั้งหมดไปพบพนักงานสอบสวนอีกรอบหนึ่ง เพื่อดูความเชื่อมโยงการกระทำความผิดที่พื้นที่สน.วังทองหลาง และเหตุการณ์เสียชีวิตที่ จ.มหาสารคาม พร้อมเชื่อว่า สัปดาห์หน้า ตำรวจจับมีความคืบหน้าและทราบตัวคนร้ายลอบยิงนายต้นประมาณ 4-5 คน รวมถึงคนจ้างวานด้วย ส่วนคดีนี้จะเป็นคดีครอบครัวหรือไม่ แต่ลักษณะคล้ายกับคดีครอบครัวเหมือนที่ผ่านๆมา แต่ก็ไม่แน่ใจคดีนี้ผลจะเป็นอย่างไร เท่าที่ทราบจากตำรวจจะมีความคืบหน้า ส่วนคนก่อเหตุตนยังไม่ทราบ ต้องถามตำรวจ อยากให้มามอบตัวเพราะหลักฐานชัดเจน และมั่นใจว่าคนทำน่าจะมีความแค้นมาก สะสมมานานและสะสมทั้งทางตรงทางอ้อมกับผู้เสียชีวิต