เปิดคำสารภาพ "สมบัติ" หนุ่มคอลเซ็นเตอร์ หลอก "หญิงสูงวัย" สูญเงิน 200 ล้าน
จุดเริ่มต้นบนเฟซบุ๊ก เปิดคำสารภาพ "สมบัติ" หนุ่มคอลเซ็นเตอร์ หลอก "หญิงสูงวัย" ชาวจ.กาญจนบุรี สูญเงิน 200 ล้าน
ตำรวจรบ"สมบัติ" หนุ่มคอลเซ็นเตอร์ หลอกหญิงสูงวัยสูญเงิน 200 ล้านบาท สือบเนื่องจาก มีผู้เสียหายเป็นหญิงสูงวัย ฐานะดี ถูกกลุ่มคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐโทรมาหลอกลวงว่ามีชื่อผู้เสียหายเป็นผู้กระทำความผิดฐานฟอกเงินและข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อตรวจสอบ เหยื่อหลงกลเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหาไป 115 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 200 ล้านบาท
ก่อนที่ต่อมาทางด้าร พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงมอบหมาย พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวน โดยสั่งการให้ พ.ต.อ.พิเชียรยศ อรุณพันธกุล ผกก.1 บก.สอท.1 นำทีมทำการสืบสวนสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา พ.ต.ท.ภานุวัฒน์ กาละศรี สว.กก.1 บก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ในสังกัด นำหมายจับเข้าควบคุมตัว นายสมบัติ (ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 31 ปี ชาวปทุมธานี ในข้อหา ได้ที่บริเวณริมถนนสาธารณะ ภายในซอยประชาสำราญ แขวงคลองสิบสอง เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร และได้นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด"
ทั้งนี้ เบื้องต้นนายสมบัติยอมให้ข้อมูลว่า เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2566 ตนได้สมัครงานออนไลน์ผ่าน Facebook และได้มีผู้ติดต่อมาเสนองานเงินเดือน 8,000 - 12,000 บาท ต่อมาได้มีรถมารับตนจากพื้นที่คลองแปด อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยลักลอบข้ามชายแดนผ่านทางช่องทางธรรมชาติบริเวณ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
เมื่อไปถึงบริเวณชายแดน นายหน้าได้พาเข้าโกดังแห่งหนึ่งแล้วเดินทะลุออกด้านหลังไปสู่ริมลำน้ำสายคลองลึก จากนั้นได้พาข้ามแม่น้ำด้วยโป๊ะโฟมลูกลอกและไปยังที่หมายเป็นตึก 25 ชั้น ในปอยเปต ติดชายแดนประเทศไทย โดยตนได้ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่นั่นประมาณ 6 เดือน และถูกบังคับให้พักอาศัยอยู่แค่ในสถานที่ที่จัดให้
โดยทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารแล้วสแกนใบหน้าในกรณีโอนเงินจำนวนสูงเพื่อโอนเงินต่อไปยังบัญชีอื่น ซึ่งได้ค่าจ้างเปิดบัญชี 4,000 บาท และค่าสแกนใบหน้าวันละ 1,000 บาท หรือเพิ่มขึ้นตามจำนวนเงินที่ผ่านบัญชีเข้ามาแตกต่างกันไป
ต่อมา นายสมบัติ ผู้ถูกจับ ได้ตัดสินใจหลบหนีออกมาจากสถานที่ดังกล่าวในปอยเปต ประเทศกัมพูชา และลักลอบข้ามแดนกลับเข้ามายังประเทศไทย จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในที่สุด
ขอบคุณภาพจาก ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท.