ส่องเบาะแสล่าสุด "เรือน้ำมันเถื่อน หายปริศนา3ลำ" จากดาวเทียม-เครื่องบิน
เปิดข้อมูลเบาะแสล่าสุด เรือของกลางคดีน้ำมันเถื่อนหายปริศนา 3 ลำ พร้อมน้ำมัน 3.3 แสนลิตร ทางด้าน "บิ๊กเต่า" รับเจ้าหน้าที่บกพร่อง เตรียมฟันไม่เลี้ยง จ่อเรียกลูกเรือให้ปากคำเพิ่ม
เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายต่างจับตากันอย่างต่อเนื่อง กรณีเรือของกลางคดีน้ำมันเถื่อนสูญหายปริศนา 3 ลำ พร้อมน้ำมัน 3.3 แสนลิตร ขณะจอดเก็บไว้ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ต่อมาจึงมีคำสั่ง เด้ง 4ตำรวจน้ำ เซ่นปมเรือของกลางหาย และมีชื่อของ ผกก.ตำรวจน้ำ รวมอยู่ด้วย ล่าสุดมีการเผย เบาะแส เรือน้ำมันเถื่อน3ลำ อาจไปโผล่แถบประเทศเพื่อนบ้าน
โดยทางด้าน "บิ๊กเต่า" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า เรื่องการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องทำให้ราชการเสียหาย ซึ่งต้องดำเนินคดีในความผิดมาตรา 157 ตอนนี้ให้ทางตำรวจ บก.ปปป. ตั้งคณะกรรมการสืบสวน คู่ขนานกับไปกับตำรวจน้ำ เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด
ในแนวทางสืบสวนเกี่ยวกับลูกเรือที่อยู่ในเรือของกลางทั้ง 3 ลำที่หายไป รู้จำนวนแน่ชัดแล้วว่ามีคนลงเรือ 16 คน ทราบชื่อตำหนิรูปพรรณแล้ว 14 คน ส่วนอีก 2 คน ทราบเพียงแค่ชื่อ แต่ยังไม่ทราบตำหนิรูปพรรณหรือรูปหน้า ตอนนี้ตำรวจกองปราบอยู่ระหว่างตรวจสอบ
เรือน้ำมันเถื่อนของกลางนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 5 ลำ มีลูกเรือทั้งหมด 28 คน เรือ 3 ลำที่หายไปมีลูกเรือยืนยัน 17 คน มีรายงานว่าลงเรือไปเพียง 16 คน อีก 1 คน ไม่ได้ไปด้วย จากรายงานคนที่ไม่ได้ไปด้วยคือคนไทย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลที่ให้ไว้กับตำรวจ
ส่วนที่เหลืออยู่ในเรืออีก 2 ลำที่จอดเทียบท่าอยู่ ซึ่งเป็นเรือที่ไม่มีน้ำมัน และคาดว่า จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับลูกเรือที่หลบหนี 16 คน ได้ภายในวันอังคาร และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบในวันนี้ (14มิ.ย.67) เบื้องต้นพบว่า มีเจ้าหน้าที่จำนวน 2-3 นาย ส่อเค้าบกพร่องต่อหน้าที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบให้แน่ชัด ซึ่งหากพบหลักฐานว่ากระทำการบกพร่องต่อหน้าที่จริง ก็จะมีการดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา 157 โดยไม่มีข้อยกเว้น
และในวันที่ 17 มิ.ย. 67 ทางพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เข้าของคดีน้ำมันเถื่อน ได้นัดหมายให้กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นลูกเรือทั้งหมด มาเข้าพบเพื่อให้ปากคำ จากข้อมูลที่ได้คุยกับตำรวจน้ำชุดทำงาน มีการยืนยันว่าเรือน่าจะเข้าไปประเทศกัมพูชาแล้ว แต่อยู่จุดไหนเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องติดตามต่อ ขณะนี้ได้ประสานทางกัมพูชาให้ช่วยติดตามเรือทั้ง 3 ลำแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามติดตามเรือของกลางกลับมาให้ได้ แม้ตอนนี้จะไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
เรื่องเส้นทางก่อนที่เรือทั้งสามลำจะขับหลบหนีไปสู่ประเทศกัมพูชา จากแนวทางสืบสวนพบว่า เป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดหลังจากที่เรือออกจากท่าเรือสัตหีบ จะต้องมุ่งหน้าไปที่เกาะช้าง เกาะกูด ออกประเทศเพื่อนบ้าน รวมระยะทาง 240 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะใช้เวลาอย่างเร็ว 12 ถึง 13 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามในส่วนของการติดตาม เบื้องต้นได้มีการประสานใช้ดาวเทียมมาช่วย รวมทั้งใช้เครื่องบินในการลาดตระเวนค้นหา
ด้านตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ชี้แจงกรณีตรวจสอบรถกระบะสีดำเข้าไปในท่าเรือสัตหีบ สืบเนื่องจากที่มีการแจ้งข้อมูลเรื่องตรวจไม่พบเรือของกลาง จำนวน 3 ลำ ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 12 มิ.ย. 67 โดยได้รับแจ้งจาก สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน. ว่าเจ้าหน้าที่ตรวจไม่พบเรือของกลาง จำนวน 3 ลำ ในคดีอาญาเลขที่ 102/2567 ลงวันที่ 20 มี.ค. 67 ซึ่งต่อมาได้มีการรายงานข่าวจากสื่อมวลชนพบว่า “รถกระบะต้องสงสัยขนของใส่เรือของกลางก่อนหาย” เบื้องต้นขอรายงานข้อเท็จจริงให้ทราบดังนี้
1.จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า วันที่ 10 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 17.05 น. ได้มีรถทะเบียน
จพ -3379 ชลบุรี ขับขี่เข้าไปยังท่าเรือสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ และไปจอดเทียบข้างเรือ 633 โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที นั้น
2.จากการตรวจสอบรถยนต์ทะเบียน จพ -3379 ชลบุรี ดังกล่าว พบว่าเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 5 ซึ่งขับขี่รถยนต์เข้าไปยังท่าเรือสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ เพื่อเติมน้ำเปล่า สำหรับใช้ในการอุปโภค เช่น การอาบน้ำ และกิจกรรมอื่นๆ
3.ตรวจสอบตารางภารกิจ พบว่าเรือ 633 มีภารกิจ อบรม ศรชล.ภาค1 ที่โรงแรมบ้านฉางพาเลช จว.ระยอง ในวันที่ 11 - 13 มิ.ย.67 จึงมีความจำเป็นต้องเติมน้ำ สำหรับใช้ในภารกิจบนเรือ เช่น การทำความสะอาด เป็นต้น
ทั้งนี้จากกรณีตรวจสอบไม่พบเรือของกลางจำนวน 3 ลำ ดังกล่าวหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะรายงานให้ทราบต่อไป