เปิดแผนผังห้องพัก คดีวางยาพิษ 6 ศพชาวเวียดนาม ในโรงแรมหรูกลางกรุง
เปิดแผนผังห้องพัก คดีวางยาพิษ 6 ศพชาวเวียดนาม เสียชีวิตในโรงแรมหรูชื่อดัง ย่านราชประสงค์ แต่ละคนไม่ได้อยู่จุดเดียวกัน
จากกรณีพบศพชาวต่างชาติ 6 ราย ทางด้าน พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงความคืบหน้าคดีดังกล่าว หลังจากประชุมความคืบหน้าทางคดีในช่วงเช้าวันนี้พร้อมเปิดแผนผังห้อง จุดพบร่างทั้ง 6 ศพ ไม่ได้อยู่ที่จุดเดียวกัน
โดยได้ชี้แจงรายละเอียดการเดินทาง เข้าประเทศไทยของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 รายโดยละเอียด พบว่ามีการเดินทางเข้ามาครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2567 เดินทางมาจากโฮจิมินห์ จากนั้นบุคคลที่เหลือได้ทยอยเดินทางเข้ามาและแยกย้ายกันเข้าห้องพัก โดยทุกคนเป็นผู้เช็คอินด้วยตนเองไม่มีบุคคลภายนอกเข้าไปในและยืนยันว่ามีผู้เข้าพักทั้งหมด 6 คน จากการตรวจสอบเว็บไซต์จองโรงแรมพบว่ามีการแจ้งเข้าพักทั้งหมด 7 คน โดยคนที่ 7 นั้นเป็นน้องสาวของหนึ่งในผู้เสียชีวิตซึ่งเดินทางเข้ามาในวันที่ 4 กรกฎาคมแต่ได้เดินทางกลับดานัง ประเทศเวียดนามแล้วตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 คาดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการสอบถามพนักงานในโรงแรมยืนยันว่า ในวันที่ 15 กรกฎาคม ผู้เข้าพักในห้อง 502 ได้สั่งอาหารจำนวนหนึ่ง คือ ข้าวผัด 5 จาน ต้มยำกุ้ง 4 จาน ผัดผักรวมสี่ ผัดผักบุ้งหนึ่งจาน และชาสอง พร้อมแก้วน้ำชาหกใบ หลังตากนั้นได้สั่ง อาหารเพิ่มรอบที่สองคือ ข้าวผัดเพิ่มเติมอีกหนึ่งจาน และ ชุดน้ำชา 6 แก้ว และกำชับให้นำมาส่งที่ห้องในเวลา 14.17 น. โดยพนักงานโรงแรมได้นำอาหารชุดแรกเข้าไปส่งที่ห้องในเวลา 13.51 น. โดยนำอาหารใส่ในถัง พร้อมด้วยชุดชาแก้วน้ำร้อน วางไว้บนโต๊ะภายในห้อง และพบผู้หญิงคนหนึ่ง (หมายเลข 5) อยู่ภายในห้องเพียงคนเดียวเป็นผู้รับอาหาร ซึ่งพนักงานได้เสนอจะชงชาให้แต่ผู้หญิงคนดังกล่าวปฏิเสธ แจ้งว่าจะทำเอง พนักงานจึงได้ออกจากห้อง ล่วงเวลาที่อยู่ในห้องทั้งหมดประมาณ 6 นาที
ยืนยันว่า หลังจากเวลา 13.57 น. ในห้องที่เกิดเหตุมีผู้หญิง (หมายเลข 5) อยู่เพียงคนเดียว หลังจากนั้นผู้เสียชีวิตอื่นๆได้ทยอยนำกระเป๋ามาไว้ที่ห้องดังกล่าวเพื่อเตรียมเช็คเอาท์ และได้เข้าไปในห้องในเวลาประมาณ 14:17 น. หลังจากนั้น ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่พบว่ามีผู้ใดเดินออกมาจากห้องอีก
ขณะที่ผลการตรวจสอบสาร เบื้องต้นพบว่าในถ้วยชาทั้ง 6 ใบมีสารไซยาไนด์ จึงเชื่อว่า 1 ใน 6 ของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ โดยใช้สารดังกล่าวแต่จะนำเข้ามาหรือซื้อในประเทศไทยนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ขณะนี้ทางนิติเวชอยู่ระหว่างรอผลชันสูตรพลิกศพอย่าละเอียด รวมถึงผลการพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุ และลายนิ้วมือดีเอ็นเอคาดว่าจะทราบผลในช่วงบ่ายวันนี้ ได้ประสานสถานทูตสหรัฐอเมริกาและสถานทูตเวียดนาม และฝ่ายความมั่นคงของเวียดนามตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียชีวิตทั้งหกรายแล้ว
ทั้งนี้ จากการสอบถามข้อมูลจากญาติทราบว่า ในกลุ่มผู้เสียชีวิตมีผู้ที่เป็นสามีภรรยาประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถนนในประเทศเวียดนามซึ่งได้ ร่วมลงทุน สร้างโรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่น คิดเป็นเงินไทยมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ตามที่ผู้ก่อเหตุ ได้ชักชวน แต่ไม่มีความคืบหน้า ซึ่งที่ผ่านมามีการทวงถามอยู่ตลอด และเป็นคดีฟ้องร้องกันกำลังจะขึ้นศาลในอีก 2 สัปดาห์ ก่อนหน้านี้จึงได้มีการนัดหมายให้ไปเคลียร์กันที่ประเทศญี่ปุ่นแต่ติดขัดเรื่องการขอวีซ่าจึงเปลี่ยนมาเป็นประเทศไทย วันนี้จะสอบปากคำญาติ 3-4 คนเพิ่มเติม
พลตำรวจตรีนพศิลป์ยืนยันว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ของผู้เสียชีวิตทั้งหกรายไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมหรือแก๊งต่างๆที่เลือกมาก่อเหตุในประเทศไทยและขอยืนยันว่าการตำรวจแห่งชาติพร้อมดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวในไทย