รวบหลานอดีตนักการเมืองดัง เมืองสี่แคววัย 31 พรากผู้เยาว์เด็กสาววัย 13
รวบหลานอดีตนักการเมืองดัง เมืองสี่แคววัย 31 พรากผู้เยาว์เด็กสาววัย 13 จนตั้งท้อง ปัดรับผิดชอบ ท้าทายไม่เกรงกลัวกฎหมาย
รวบหลานอดีตนักการเมืองดัง เมืองสี่แคววัย 31 พรากผู้เยาว์เด็กสาววัย 13 โดยตำรวจสอบสวนกลาง รวบหลานอดีตนักการเมืองดัง คือ นายกฤตพรต อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ 314/2567 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาของตนเองโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาจาร, พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และกระทำเราเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”
โดยสามารถ จับกุม นายกฤตพรตหลานอดีตนักการเมืองดังเมืองสี่แคว ได้ที่บริเวณริมถนนซอยสะพานโคกม่วง ต.โคกม่วง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา
พฤติการณ์หลานอดีตนักการเมืองดังเมืองสี่แคว
สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหาซึ่งเป็นหลานของอดีตนักการเมืองชื่อดังของจังหวัดนครสวรรค์ ได้สนิทสนมกับหญิงสาวผู้เสียหายซึ่งขณะนั้นอายุ 13 ปี โดยทั้งสองได้ตกลงคบหากัน ต่อมาเมื่อช่วงประมาณกลางเดือนสิงหาคม 2563 ผู้ต้องหาได้ชักชวนผู้เสียหายให้เดินทางไปพบและมีสัมพันธ์กันภายห้องน้ำวัดแห่งหนึ่งในตำบลหนองตางู อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์
ภายหลังจากมีสัมพันธ์กันแล้ว ยังได้มีการนัดมาหาที่บ้านของผู้เสียหายเรื่อยมา จนมาถึงช่วงประมาณเดือนมีนาคม 2565 ผู้เสียหายพบว่าตนเองตั้งท้อง จึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้ปกครองฟัง ผู้ปกครองจึงได้พาผู้เสียหายมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความที่ สภ.บรรพตพิสัย แต่หลังจากที่ทางผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว จากนั้นจึงได้มีการติดต่อให้ทางผู้ต้องหามาพบเพื่อเจรจาตกลงกันในการดูแลเด็กในท้อง แต่
ผู้ต้องหากลับท้าทายไม่เกรงกลัว และบอกกับผู้เสียหายว่าจะไม่รับผิดชอบ ทางผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นหลานชายของอดีตนักการเมืองชื่อดังในจังหวัดนครสวรรค์ จึงได้ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. จับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ได้รับการประสานจาก สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีการจับกุมมาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ภาคกลาง จึงได้ร่วมกันสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาได้มาอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.โคกม่วง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันวางแผนเข้าจับกุมและได้พบตัวผู้ต้องหาที่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าแสดงตัวและทำการจับกุม จากนั้นนำตัวมาทำบันทึกจับกุมที่ สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.บรรพตพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา