เผยตัวเลขค่าลิขสิทธิ์ถ่ายสดซีเกมส์ ที่ กกท. ต้องการ หลังไทยโดนเรียกเก็บสุด
เผยตัวเลขค่าลิขสิทธิ์ถ่ายสดซีเกมส์ ที่ กกท.ต้องการ หลังประเทศไทยโดนเรียกเก็บสุด ซึ่งแพงกว่าค่าลิขสิทธิ์ถ่ายสดซีเกมส์รอบก่อนถึง 800%
จากกรณีกระแสดราม่าซีเกมส์กัมพูชา 2023 เรื่องค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดของประเทศไทย หลังทางเจ้าภาพตั้งตัวเลขค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 800,000 เหรียญสหรัฐฯ จนเกิดเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ แฟนกีฬาชาวไทย "ไม่ดูซีเกมส์เขมร 2023" ไม่ต้องซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา ในส่วนของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ก็ยังคงเดินหน้าหาช่องทางเจรจากับกัมพูชาให้ลดค่าถ่ายทอดสดลง ยืนยันไม่จ่ายที่ตัวเลขดังกล่าวแน่นอน
โดยล่าสุด ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เผยความคืบหน้าการซื้อลิขสิทธ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาชีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา โดยเจ้าภาพคิดค่าลิขสิทธิ์กับประเทศไทยสูงถึง 800,000 ดอลลาห์สหรัฐ (เกือบ 27.6 ล้านบาท) มากกว่าการแข่งขันซีเกมส์ที่ผ่านมาถึง 800%
- ซีเกมส์ครั้งที่ 31 ปี2021 ที่เวียดนาม ประมาณ 3.5 แสนบาท
- ซีเกมส์ครั้งที่ 30 ปี2019 ที่ฟิลิปปินส์ ประมาณ 1.7 แสนบาท
โดยทางด้าน กกท.ที่ได้รับมอบหมายจากโอลิมปิกไทย ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อไปเจรจาขอลดค่าลิขสิทธิ์ แต่หากสูงขนาดนี้ อาจจะมีการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเพียงบางชนิดกีฬาเท่านั้น
ดร.ก้องศักด ยืนยันว่าจะไม่จ่ายตามที่กัมพูชาเรียกร้องมาถึง800,000 เหรียญสหรัฐฯ จะขอเจรจาให้ตัวเลขลดลงใกล้เคียงกับซีเกมส์ ครั้งที่แล้ว ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพ จำนวน 3.5แสนบาท
ด้านข้อสงสัยถ้าหากไทยเรามีงบประมาณจำกัด สามารถเลือกซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดซีเกมส์2023 เฉพาะกีฬายอดนิยม เช่น ฟุตบอล และวอลเลย์บอล ได้หรือไม่นั้น?? ดร.ก้องศักด ตอบว่า เรื่องนี้ก็อยู่ในข้อหารือ ที่จะพูดคุยกับทางเอเจนซี ที่ได้รับมอบหมายจากฝ่ายจัดการแข่งขัน
เบื้องต้นทราบว่าตอนนี้เจ้าภาพกัมพูชามี 3 แพ็คเกจถ่ายทอดสดซีเกมส์2023ให้เลือก คือ
-แพ็คเกจใหญ่ ถ่ายทอดสดครอบคลุม 16 ชนิดกีฬา
-แพ็คเกจกลาง
-แพ็คเกจเล็กสุด
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ กกท.กล่าวเพิ่มเติมว่า สุดท้ายแล้วถ้าไม่มีการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดซีเกมส์ก็ถือว่าไม่ผิดกฎมัสต์แฮฟ มัสต์แคร์รี่ แต่ถ้าถ่ายทอดสดต้องทำตามกฎนี้ ทั้งนี้หากมองเรื่องของการพัฒนากีฬา ถ้าไม่มีการถ่ายทอด ก็จะไม่มีกระแสร่วมกันเชียร์ให้กำลังใจนักกีฬาไทย แต่ถ้าราคาขนาดนี้ต้องมาพิจารณาว่าคุ้มค่าหรือไม่
แต่สิ่งที่จะขาดไปแน่นอนหากไม่มีการถ่ายทอดคือ เราจะไม่มีโอกาสได้เชียร์นักกีฬาแบบสดๆ ต้องอาศัยช่องทางอื่นๆ ซึ่งยากลำบากต่อคนทั่วไป
กรณีหากมีการถ่ายทอดสดซีเกมส์ครั้งนี้ ก็จะไปติดเรื่องกฎมัสต์แฮฟ มัสต์แคร์รี่ ทำให้การดึงเอกชนมาร่วมค่อนข้างยากลำบาก ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เคยพูดไว้ตั้งแต่ตอนฟุตบอลโลก 2022 แล้ว แต่ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง กฎนี้ก็ยังคงเป็นอุปสรรคอยู่