9 วิธี ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างไรให้คุ้มที่สุด และถูกต้องที่สุด
9 วิธี ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างไรให้คุ้มที่สุด กระเเสมาแรงเรื่อยๆ สำหรับยานยนต์ไฟฟ้ารถยนต์ไฟฟ้าEv หรือ PHEV ซึ่งนอกจากไม่มีมลพิษแล้ว ยังดีต่อเงินในกระเป๋าของเราอีกด้วย
กระเเสมาแรงเรื่อยๆ สำหรับยานยนต์ไฟฟ้ารถยนต์ไฟฟ้าEv หรือ PHEV ซึ่งนอกจากไม่มีมลพิษแล้ว ยังดีต่อเงินในกระเป๋าของเราอีกด้วย แต่ทว่าเราจะใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ประหยัดที่สุด คุ้มค่าที่สุด เพราะฉะนั้นเราไปชม 9 วิธีใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างไรให้คุ้มที่สุด
1. จะไปไหน วางแผนไว้ก่อน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) วิ่งได้ไกลมากต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อย่างน้อย ๆ ก็ต้อง 300 กิโลเมตรขึ้นไป เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหินระยะทาง 200 กิโลเมตร ก็คงไม่มีปัญหาแต่อย่างไร แต่ถ้าเราไปไกลกว่านั้น เราก็ควรวางแผนให้ดี กันเหตุฉุกเฉิน
2. การเลือก รูปแบบในการชาร์จ ควิกชาร์จที่ระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ เหมาะที่สุด สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันจะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ แบบชาร์จเร็ว (ควิกชาร์จ) กับแบบชาร์จธรรมดา ควิกชาร์จคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางไกล สถานีควิกชาร์จขนาด 150 กิโลวัตต์ เสียบชาร์จรถ BMW iX3 แค่ 10 นาที วิ่งได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร และใช้เวลา 34 นาที สำหรับการชาร์จถึงระดับ 80%
3. เปิดแอร์รอไว้เลย ก่อนถอดสายชาร์จ แอร์จะใช้พลังงานไฟฟ้าในการลดอุณหภูมิมากกว่าใช้รักษาอุณหภูมิให้คงที่ ถ้าเราถอดปลั๊กแล้วค่อยเปิดแอร์ พลังงานในแบตเตอรี่จะลดลงอย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึงระยะทางที่วิ่งได้จะน้อยลง ดังนั้นแบตฯ ต้องเต็มและอุณหภูมิในรถต้องได้
4. เข้ากลุ่ม แชร์ข้อมูล ในโซเชียลมีเดีย วิธีที่ง่ายที่สุดเพื่ออัปเดทตัวเองอย่างรวดเร็วก็คือ เข้ากลุ่ม กลุ่มคนที่ใช้รถรุ่นเดียวกัน ประเภทเดียวกัน คาร์คลับ
5. ขับดี ๆ วิ่งได้ไกลขึ้น คือการ ใช้ความเร็วคงที่ตามที่กฎหมายกำหนด จะช่วยประหยัดพลังงานได้มาก ขับด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. จะขับได้ระยะทางไกลกว่าขับด้วยความเร็ว 120 กม./ชม.
6. เบรกชาร์จแบตฯ ชาร์จทุกครั้งที่เหยียบเบรก เรียกว่า adaptive recuperation คือการชาร์จตามสภาพจราจรหรือสภาพการขับขี่ เป็นกระบวนการเปลี่ยนพลังงานจลน์ไปเป็นพลังงานไฟฟ้าเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ คำว่า adaptive หมายถึงระดับความเข้มข้นของพลังงานที่เกิดจากการเบรก เบรกเมื่อถึงทางแยก เบรกเมื่อเข้าเขตจำกัดความเร็ว เบรกเมื่อมีสิ่งกีดขวาง ล้วนเป็นการชาร์จไฟเข้าแบตฯ ทั้งสิ้น ยิ่งกว่านั้นเรายังเลือกระดับความเข้มข้นของการชาร์จได้ด้วย โดยเกียร์ D
7. อุณหภูมิที่เหมาะสม ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ อุณหภูมิ คือตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อสมรรถนะและประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ หลักการเดียวกับแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน ร้อนไปก็เปลืองแบตฯ เย็นไปก็เปลืองแบตฯ ต้องพยายามรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ถึงจะได้สมรรถนะและประสิทธิภาพสูงสุด
8. ลดการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า ภายในตัวรถ จะช่วยลดอัตราการใช้พลังงานลงได้ ช่วยให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น ตัวอย่างเช่น ในฤดูหนาว แทนที่จะใช้ระบบฮีตเตอร์ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้ามาก
9. อัปเดทข้อมูลตลอดเวลา จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทั้ง EV และ PHEV ข้อมูลคือสิ่งสำคัญ เพราะเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สถานีชาร์จเกิดขึ้นใหม่ทุกวัน เราจึงจำเป็นต้องอัปเดทข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ
ขอบคุณที่มาจาก:https://mgronline.com/motoring/detail/9640000074429