10 อย่างที่ต้องเลิกปฏิบัติเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
10 อย่างที่ต้องเลิกปฏิบัติเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เราจะชวน "เลิก" ทำสิ่งเหล่านี้เพื่อปีหน้าจะได้เป็นสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ มาดูกันว่าเราควร “เลิก”
10 อย่างที่ต้องเลิกปฏิบัติเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
สุขภาพของมนุษย์นั้น เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งไม่ว่าใครนั้นก็อยากจะมีสุขภาพร่ายกายที่เเข็งเเรงด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เราจะชวน "เลิก" ทำสิ่งเหล่านี้เพื่อปีหน้าจะได้เป็นสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ มาดูกันว่าเราควร “เลิก” ทำอะไรบ้าง
1. ต้องเลิกคิดว่าผอมแล้วดี อ้วนแล้วไม่ดี น้ำหนักขึ้นไม่ดี ลองเปลี่ยนมาถามตัวเองว่า “เราพอใจ เรามีความสุขในชีวิตในแต่ละวันรึยัง” ถ้ามีความสุข มีความพอใจแล้ว ยินดีด้วยครับแต่ถ้าเรายังไม่พอใจ อยากที่จะพัฒนาเพิ่ม เราก็ต้องหาวิธีการถูกต้อง ปรับทัศนคติให้ดี และลงมือทำให้สม่ำเสมอ
2. ต้องเลิกถามว่าอาหารอันนี้อ้วนมั้ย กินได้มั้ย แต่เราควรจะดูว่าอาหารนั้นมีสารอาหารอะไรที่ร่างกายต้องการบ้าง ในความเป็นจริงเราไม่สามารถบอกได้ว่าเราจะอ้วนขึ้นจากการกินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งหรืออ้วนจากการกินอาหารเพียงครั้งเดียว แต่เราอ้วนจากการกินอาหารแบบนั้นซ้ำ ๆ ทำพฤติกรรมไม่ดี ๆ ซ้ำ ๆ ไม่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตที่ดี
3. ต้องเลิกกลัวการกินคาร์โบไฮเดรต แต่ต้องรู้ว่าเราควรจะกินคาร์โบไฮเดรตอะไรตอนไหนเท่าไหร่ เพราะคาร์โบไฮเดรตเป็นขุมพลังที่ทำให้กล้ามเนื้อเราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยฟื้นฟูร่างกาย ช่วยไม่ให้กล้ามเนื้อหาย ทำให้สมองและระบบประสาททำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้ร่างกายเกิดการพัฒนา
4. ต้องเลิกบ้ากินแต่โปรตีน เพราะสารอาหารอื่น ๆ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ควรจะกินสารอาหารให้ครบถ้วน และหลากหลายด้วย การกินโปรตีนเยอะจะทำให้อิ่ม เป็นสาเหตุทำให้เรากินสารอาหารอื่นได้น้อยลง
5. ต้องเลิกคิดไปเองว่าเรากินน้อยแล้ว หรือดูแต่ปริมาณของอาหาร เพราะในความเป็นจริง ปริมาณอาหารไม่สัมพันธ์กับพลังงานในอาหาร อาหารบางอย่างชิ้นเล็กแต่ให้พลังงานสูงมาก (Calories Dense Foods) ในทางตรงข้ามอาหารที่มาจากธรรมชาติส่วนใหญ่ มีปริมาณเยอะแต่ให้พลังงานน้อย (Nutrient Dense Foods) ทำให้กินได้เยอะกว่า อยู่ท้องมากกว่า แถมยังมีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนส่วนมากที่คิดว่ากินน้อย จะกินแคลอรี่มากกว่าที่คิดไว้ถึง 30-70%
6. ต้องเลิกกลัวที่จะยกเวทหรือฝึกความแข็งแรง การยกเวทมันไม่ได้มีแค่การทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นเท่านั้น (ในความเป็นจริงมันก็ใหญ่ขึ้นได้ยากด้วย) แต่มันมีหลายหลากวิธีการซึ่งขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคน ทั้งฝึกให้มีแรงระเบิดเพิ่มขึ้น มีพลังมากขึ้น มีความทนทานมากขึ้น
7. ต้องเลิกคิดที่จะคาร์ดิโอโซน 2 อย่างเดียว การคาร์ดิโอที่ความหนักไม่มากมีประโยชน์หลากหลาย เช่น ฝึกให้ร่างกายใช้ไขมันเป็นพลังงานให้ดีขึ้น เพิ่มความหนาแน่นของไมโตคอนเดีย ช่วยฟื้นฟูร่างกาย ทำให้ร่างกายมีความทนทานมากขึ้น แต่ถ้าทำบ่อยเกินไปมันจะเรากดสมรรถภาพร่างกายของเราเช่นกัน ทำให้เราฝึกซ้อมไม่เต็มที่ไม่เกิดการพัฒนา รูปร่างไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นต้องมีการวางโปรแกรมคาร์ดิโอให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ด้วย
8. ต้องเลิกคิดว่าต้องคาร์ดิโอ 30-45 นาทีขึ้นไป ร่างกายถึงจะเผาผลาญไขมันเป็นพลังงาน (ในความเป็นจริงร่างกายใช้ไขมันตลอดเวลา) เป็นการสร้างแนวคิดเชิงลบว่าถ้าทำไม่ถึงแล้วจะไม่มีประโยชน์ แต่ควรจะคิดว่าเราจะคาร์ดิโอแบบไหนที่เราใช้เวลาที่เรามีให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเหมาะกับสมรรถภาพร่างกายของเราดีกว่า ถ้ามีเวลาน้อยเราก็สามารถคาร์ดิโอได้เช่นกัน แต่ควรจะทำให้หนักขึ้น
9. ต้องเลิกกลัวการยกเวทหนัก เลิกกลัวว่ายกเวทแล้วตัวจะใหญ่ เลิกกลัวการยกหนัก กลัวการยกเวทแล้วจะบาดเจ็บ ถ้าเราออกกำลังกายได้ถูกต้อง ควบคุมท่าทางการออกกำลังกายได้ดี ความแข็งแรงมากขึ้น น้ำหนักที่ยกก็ควรจะต้องเพิ่มขึ้นตามด้วย เพราะร่างกายและกล้ามเนื้อจะพัฒนาได้นั้นจะต้องสู้กับความสามารถที่ยากขึ้น ต้องสร้างความเครียดในระดับที่พอเหมาะกับร่างกายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
10. ต้องเลิกคิดจะยกเวทด้วยท่าทางประหลาด ยกเวทตามใน YouTube ยกเวทตามเน็ตไอดอล โดยที่ไม่ดูว่ามันมีประโยชน์หรือเหมาะสมกับเรามั้ย แต่สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ คือ การยกเวท การเคลื่อนไหวร่างกายในท่าทางพื้นฐานให้ดี แล้วใช้ให้เต็มประสิทธิภาพของมัน สอดคล้องกับเป้าหมายและสมรรถภาพร่างกายของเรา