สหรัฐฯ ป่วยโควิด-19 ลดลงถึง 30% หลังฉีดวัคซีนเฉลี่ย 2 ล้านโดสต่อวัน
สำนักข่าวซินหัวรายงานข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ของสหรัฐฯ เผยว่า อัตราผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่โดยเฉลี่ยในสหรัฐฯ ลดต่ำกว่า 41,000 รายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยลดลงร้อยละ 30 จากสองสัปดาห์ก่อนหน้า แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เฉลี่ย 2 ล้านโดสต่อวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 40 จากระดับสูงสุด
ข้อมูลเฉลี่ย 7 วันที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยฯ พบจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในสหรัฐฯ อยู่ที่ 40,800 ราย ตัวเลขดังกล่าวลดลงร้อยละ 30 ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา และลดลงร้อยละ 43 จากระดับสูงล่าสุดเมื่อกลางเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐฯ ตรวจพบผู้ป่วยประมาณ 71,000 รายต่อวัน อีกทั้งเป็นค่าเฉลี่ยต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. ด้วย
ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เฉลี่ย 7 วัน อยู่ที่ 667 รายต่อวัน ต่ำกว่าช่วงฤดูหนาวที่ตรวจพบผู้ป่วยเสียชีวิตจำนวนมาก
ศูนย์ฯ ระบุว่า สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนให้ประชาชนรวม 2.3 ล้านโดสในวันอาทิตย์ (9 พ.ค.) ทำให้ค่าเฉลี่ยการฉีดวัคซีนทั่วประเทศช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 2 ล้านโดสต่อวัน อย่างไรก็ดี แม้อัตราการฉีดวัคซีนรายวันจะแสดงสัญญาณคงที่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับสูงสุดเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ซึ่งอยู่ที่ 3.4 ล้านโดสต่อวัน
ชาวอเมริกันประมาณร้อยละ 46 ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส และมากกว่า 1 ใน 3 ได้รับวัคซีนครบสองโดส ส่วนร้อยละ 58 ของกลุ่มคนอายุ 18 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนบางส่วนแล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ตั้งเป้าหมายร้อยละ 70 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ในประเทศจะต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งโดสภายในวันที่ 4 ก.ค. หรือวันชาติสหรัฐฯ (Independence Day)