เปิด5มาตรการคุมโควิด เสนอ ศบค. ประเมินสถานการณ์แล้วอาจไม่สามารถควบคุมได้
สธ.ประกาศ 5 มาตรการควบคุมโควิด เสนอ ศบค. ณ ตอนนี้ บุคลากรทางการแพทย์มีความเหนื่อยล้า ประชาชนยังคงรอรับการตรวจหาเชื้อจำนวนมาก มีการใช้เตียงรักษา ในทุกระดับอาการมากขึ้น
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด ว่า วันนี้ 8ก.ค.64 ประเทศไทยมีการติดเชื้อโควิด 19 สูงถึง 7 พันราย เสียชีวิต 75 ราย ส่วนใหญ่อยู่ใน กทม.และปริมณฑล มีประชาชนยังคงรอรับการตรวจหาเชื้อจำนวนมาก มีการใช้เตียงรักษา ในทุกระดับอาการมากขึ้น บุคลากรทางการแพทย์มีความเหนื่อยล้า กระทรวงสาธารณสุขจึงประกาศมาตรการ เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาด 5 มาตรการ ดังนี้
1.การตรวจหาเชื้อตามปกติใช้วิธี RT-PCR ซึ่งต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์เก็บตัวอย่าง และเมื่อมีการตรวจมากทำให้รอผลตรวจนานข้ามวัน จึงให้ใช้ Rapid Antigen Test หรือชุดทดสอบแบบรวดเร็ว โดยสถานพยาบาลดำเนินการได้ทันทีเมื่อมีความพร้อม และจะวางระบบรองรับเรื่องการตรวจด้วยตัวเองที่บ้านต่อไป
2.การดำเนินการแยกกักที่บ้านและชุมชน (Home Isolation & Community Isolation) ในผู้ป่วยโควิดกลุ่มไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย จัดระบบสาธารณสุขดูแลติดตามให้เครื่องมือในการตรวจวัดไข้ วัดออกซิเจนในเลือด หากอาการมากขึ้นหรือมีความเสี่ยงจะรับมาดูแลในโรงพยาบาล และร่วมกับ สปสช.ปรับเกณฑ์ เรื่อง Home Isolation นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาลครบ 10 วันให้กลับมา Home Isolation ต่อจนครบ 14 วัน เพื่อลดปริมาณการใช้เตียง ให้คนที่มีความเสี่ยงหรือจำเป็นเข้าสู่โรงพยาบาลได้ต่อไป
3.มาตรการส่วนบุคคล โดยให้ Bubble and Seal ตัวเอง แยกรับประทานอาหารที่บ้านและที่ทำงาน เนื่องจากส่วนใหญ่ติดเชื้อจากที่บ้านและที่ทำงาน และเน้นการทำงานที่บ้าน (Work From Home) เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อต่อไป
4.จะเร่งฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต โดยจะฉีดวัคซีนให้ได้ไม่น้อยกว่า 80% ใน 2 กลุ่มนี้ เน้นพื้นที่เสี่ยงใน กทม.และปริมณฑล จะเร่งฉีดให้ได้มากกว่า 1 ล้านโดสต่อสัปดาห์ ภายใน 1-2 สัปดาห์
5.กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอ ศบค.เพื่อยกระดับมาตรการทางสังคม ในการจำกัดห้ามเดินทางข้ามจังหวัด และปิดสถานที่เสี่ยงสถานที่รวมกลุ่มโดยไม่จำเป็น ยกเว้นตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น เช่น ไปซื้ออาหาร เดินทางไปโรงพยาบาล หรือไปฉีดวัคซีน เป็นต้น โดยมาตรการนี้จะดำเนินการในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชนอย่างน้อย 14 วัน เพื่อลดการระบาดใน กทม.และปริมณฑล ซึ่งจะเสนอ ศบค.เพื่อพิจารณามาตรการต่อไป
ด้าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือศบค.ได้เรียกประชุมด่วน ในวันพรุ่งนี้ 9ก.ค.64 ในเวลา10.00น. เพื่อนำข้อสรุป ในการแก้ไขปัญหาเข้าที่ประชุม ครม. ให้ทันในวันอังคารที่ 13 ก.ค. 64 ทั้งนี้คาดว่าจะมีการพิจารณาล็อกดาวน์ทั้งประเทศ หากแพทย์มีความเห็นว่าจำเป็นต้องทำเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดหนักในขณะนี้
สืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นทะลุ 7,000 คนต่อวัน และเสียชีวิตกว่า 70 ราย ซึ่งมีแนวโน้มว่ารัฐบาลจะควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ ทั้งเรื่องควบคุมการแพร่ระบาด และการบริหารจัดการต่างๆ การตรวจเชิงรุก รวมถึงการบริหารจัดการเตียงและการกระจายวัคซีนที่ยังไม่ทั่วถึงและเพียงพอ วันนี้กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เสนอมาตรการดังกล่าวให้ศบค.พิจารณาด่วน